สมาพันธรัฐพม่าในความฝัน : โดย วีรพงษ์ รามางกูร

ข่าวเรื่องรัฐบาลของนางออง ซาน ซูจี ไม่มีความพยายามที่จะยับยั้งรัฐบาลทหารในการ
กระทำย่ำยีและเข่นฆ่าชาวโรฮีนจา ที่ไม่ใช่ชาวยะไข่ ขับไล่ให้อพยพออกจากรัฐยะไข่ไปอยู่ที่บังกลาเทศ ซึ่งมีประชาชนนับถือศาสนามุสลิมเหมือนกัน โดยที่ นางออง ซาน ซูจี ซึ่งหาเสียงกับชาวตะวันตกว่าตนเองเป็นนักประชาธิปไตย เป็นนักมนุษยธรรมและต้องการนำประชาธิปไตยมาสู่พม่าจึงกลายเป็นเรื่องกล่าวเท็จไปเสียแล้ว จนมีเสียงเรียกร้องจากตะวันตกให้มีการเรียกรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพคืนจากนางออง ซาน ซูจี ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง นางออง ซาน ซูจี ก็จะเป็นเจ้าของรางวัลโนเบิลคนแรกที่ถูกคณะกรรมการรางวัลโนเบลเรียกรางวัลโนเบลคืน เพราะแท้จริงแล้วนางก็เป็นเพียงนักการเมืองที่ใช้วาทะจอมปลอมในการหาเสียง เพื่อการขึ้นสู่อำนาจในประเทศพม่าเท่านั้นเอง

ประเทศพม่าเป็นประเทศที่ไม่เหมือนกับประเทศไทย หรือเวียดนาม ลาว เขมร หรือบังกลาเทศ ประเทศพม่าเป็นประเทศที่ประกอบไปด้วยแคว้นหรือรัฐต่างๆ ที่เคยเป็นอาณาจักร ที่มีเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันและไม่เคยมารวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้

ทางเหนือเป็นดินแดนของรัฐฉาน ซึ่งเคยเป็นอาณาจักรของไทใหญ่ ประกอบด้วยนครรัฐ 7 นครรัฐ หรือ 7 นครเจ้าฟ้า ทางใต้เป็นรัฐมอญ ประชาชนชนชาติมอญเคยเป็นชนชาติที่สามารถสร้างอาณาจักรและได้สู้รบกับอาณาจักรพม่าเรื่อยมา ตั้งแต่สมัยพระเจ้าบุเรงนอง ที่มาตีกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 1 โดยมีราชธานีที่ย้ายจากเมืองตองอูมาอยู่กรุงหงสาวดี เรื่อยมาจนถึงสมัยพระเจ้า
อลองพญา ที่ประกาศเอกราชจากกษัตริย์มอญ แล้วสถาปนากรุงอังวะเป็นราชธานี เอาชนะมอญ ไทใหญ่ และยะไข่

ซึ่งมีเชื้อชาติและภาษาใกล้เคียงกับพม่าเป็นอันมาก นอกนั้นก็เป็นกลุ่มชาติกะเหรี่ยง คะฉิ่นและอื่นๆ ที่ไม่ใช่พม่า..

Advertisement

เมื่ออังกฤษเข้าปกครองพม่า โดยเริ่มเข้ายึดครองพม่าส่วนล่างหรือหัวเมืองมอญก่อน แล้วสถาปนากรุงย่างกุ้งเป็นเมืองหลวง ขณะที่รัฐพม่าซึ่งปกครองโดยราชวงศ์คองบอง พระเจ้ามินดง โอรสของพระเจ้าอลองพญา หลังจากพระเจ้าอลองพญาสิ้นพระชนม์เพราะถูกสะเก็ดระเบิดจากปืนใหญ่ที่แตกในขณะยิง คราวที่ยกทัพมาล้อมตีกรุงศรีอยุธยาจนต้องยกทัพกลับไป แต่ในที่สุดอังกฤษก็สามารถตีกรุงมัณฑะเลย์ ราชธานีของพม่าแตก

แต่โดยที่รัฐอื่นๆ ที่เคยเป็นเมืองขึ้นของพระเจ้ากรุงอังวะ เมื่ออังกฤษเข้ายึดราชธานีของพม่าที่กรุงมัณฑะเลย์ ซึ่งอยู่คนละฝั่งแม่น้ำกับกรุงอังวะได้ อังกฤษก็พยายามให้อำนาจการปกครองตนเองกับแคว้นหรือรัฐที่เป็นเมืองขึ้นของกษัตริย์พม่ามาก่อน พระเจ้าสีป่อถูกเนรเทศไปอยู่ที่เมืองรัตนปุระที่อินเดีย

การเขียนประวัติศาสตร์โจมตีอังกฤษว่า ใช้วิธีแบ่งแยกแล้วปกครอง หรือ divided and rule จึงไม่สู้จะตรงกับความเป็นจริงเท่าใดนัก ถ้ามองจากแว่นของชาวไทใหญ่ในรัฐฉาน หรือชาวมอญในรัฐมอญ หรือชาวคะฉิ่นในรัฐคะฉิ่น หรือชาวกะเหรี่ยงที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปและเรียกร้องให้มีดินแดนและมีรัฐบาลของตนเอง การเรียกร้องดังกล่าวมีเหตุผลและมีความชอบธรรมอยู่ไม่น้อย

Advertisement

ในขณะที่ นายพลออง ซาน นำขบวนการชนชาติต่างๆ เรียกร้องเอกราชจากอังกฤษ นายพล
ออง ซาน บิดาของนางซูจี ให้คำมั่นสัญญากับเจ้านครหรือเจ้าฟ้าทั้ง 7 นครรัฐ ให้สัญญากับชาวมอญ กะเหรี่ยงและชนชาติอื่นๆ ที่มีภาษาพูด ภาษาเขียน ทุกชนชาติรวมทั้งพม่าและยะไข่ ซึ่งเคยเป็นอาณาจักรและต่างก็มีพระเจ้าแผ่นดินของตนเอง ใช้อักษรมอญที่ปรับให้เขียนได้เป็นภาษาของตน

ดังนั้น การที่อังกฤษให้มอญก็ดี ไทใหญ่ก็ดี คะฉิ่นก็ดี ที่ถูกกษัตริย์พม่าเอาเป็นเมืองขึ้น มีความสำคัญทัดเทียมกับชนชาติพม่า จึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว..

การปกครองประเทศราชหรือเมืองขึ้นของพม่านั้น กษัตริย์พม่าปกครองด้วยความรุนแรงและโหดร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชาวมอญและกะเหรี่ยง ชาวมอญที่ถูกกดขี่ข่มเหงจึงอพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในประเทศไทยหลายระลอก ชาวมอญในเมืองไทยแม้จะผ่านมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ก็ยังจดจำความโหดร้ายรุนแรงของทหารพม่าได้แม้เวลาจะผ่านมาหลายทศวรรษ
เมื่ออังกฤษมอบเอกราชให้พม่า อังกฤษกลับมอบเอกราชให้กับพม่าโดยให้ประชาชนชาวไทใหญ่ ชาวมอญและอื่นๆ ร่วมออกเสียงประชามติว่าจะแยกออกเป็นเอกราชหรือจะรวมเข้ากับราชอาณาจักรไทย หรือจะอยู่กันเป็นสมาพันธรัฐพม่าแล้วเรียกชื่อใหม่ว่าเมียนมา โดยสัญญาจะปกครองในรูปสมาพันธรัฐ หรือ Union หรือ Confederation หรือ Federation ไม่ใช่เอกรัฐ หรือ Unitary state อย่างทุกวันนี้

แต่เมื่อนายพลเนวินทำการปฏิวัติยึดอำนาจจากรัฐบาลอูนุ เมื่อปี พ.ศ.2505 หลังจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทำการปฏิวัติยึดอำนาจจากจอมพล ป.พิบูลสงคราม 5 ปี นายพลเนวินก็ตระบัดสัตย์ไม่ทำตามสัญญา จับประธานาธิบดีคนแรกที่เป็นเจ้าฟ้าไทใหญ่เข้าคุก ขับไล่ชาวต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าชาวจีนและชาวอินเดีย โดยเข้ายึดทรัพย์ทั้งหมดและไล่ออกนอกประเทศตัวเปล่า ประกาศใช้ระบอบสังคมนิยมแบบพม่า โอนทรัพย์สินที่ดินและกิจการเอกชนเป็นของรัฐโดยปราศจากการชดเชย ประกาศปิดประเทศ เลิกใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ เลิกการเรียนการสอนโดยใช้ภาษาอังกฤษ แต่ให้ทุกชนเผ่าใช้ภาษาพม่าเป็นภาษาราชการ

หลังจากพม่าปิดประเทศ ประกาศใช้นโยบายสังคมนิยมแบบพม่าหรือ Burmese Way of Socialism ขับไล่นายทุนต่างชาติ ยึดทรัพย์สินของเอกชนเป็นของรัฐ ห้ามการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศ เป็นเวลาเนิ่นนานมากว่า 26 ปี พม่าจากที่เคยเป็นประเทศเจริญและมั่งคั่งกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค ท่าเรือย่างกุ้งเคยเป็นท่าเรือศูนย์กลางของการเดินเรือ ก็ย้ายไปอยู่ที่สิงคโปร์

พม่าเคยเป็นประเทศที่ส่งออกข้าวได้มากที่สุดในโลก เคยเป็นประเทศที่ส่งออกไม้สัก ดีบุก ทองแดงและอัญมณี ก็กลายเป็นประเทศที่ไม่มีอะไรส่งออก สินค้าที่เคยส่งออกต้องขายให้กับรัฐบาลในราคาถูกแล้วรัฐบาลเป็นผู้ส่งออกในราคาแพง ก็กลายเป็นสินค้าที่ลักลอบเข้ามายังประเทศไทยและบังกลาเทศเพื่อส่งออกไปอีกทอดหนึ่ง อัญมณี เช่น หยก มรกต ทับทิม ไพลิน ที่มีคุณภาพดีจะลักลอบมาเจียระไนในเมืองไทย ส่วนของคุณภาพต่ำจะส่งมอบให้รัฐวิสาหกิจของรัฐบาล เพราะคุณภาพในการเจียระไนต่ำ ไม่เป็นที่ต้องการของตลาดบนในยุโรปและสหรัฐ

ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์การผลิตอัญมณี ทั้งๆ ที่ประเทศไทยไม่มีวัตถุดิบ แต่ใช้วัตถุดิบจากพม่า ศรีลังกาและประเทศในทวีปแอฟริกา รวมทั้งประเทศโคลอมเบีย ประเทศละตินอเมริกา พม่ากลายเป็นประเทศยากจนที่สุดในโลก เป็นประเทศที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แพ้ประเทศไทยซึ่งพูดภาษาอังกฤษแย่กว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคมาก่อน มหาวิทยาลัยย่างกุ้งและมหาวิทยาลัยมัณฑะเลย์ เคยเป็นมหาวิทยาลัยที่คนไทยภาคเหนือนิยมส่งลูกหลานไปเรียน มากกว่าจะส่งมาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ

กลายเป็นว่าบุตรหลานของผู้นำไทยใหญ่ต้องส่งลูกหลานมาเรียนในเมืองไทยที่เชียงใหม่และที่กรุงเทพฯ …

ความใฝ่ฝันของไทยใหญ่ มอญ ยะไข่ คะฉิ่น กะเหรี่ยง ว้า ที่จะมีดินแดนปกครองตนเองก็เป็นอันล่มสลาย ต้องตั้งกองกำลังติดอาวุธสู้รบกับกองทัพพม่าตลอดมาหลังการตระบัดสัตย์ไม่ทำตามสัญญากับชนชาติต่างๆ ซึ่งไม่ใช่ชนกลุ่มน้อย เพราะจำนวนประชากรไทใหญ่ มอญ คะฉิ่น กะเหรี่ยง มีจำนวนมากกว่าชนชาติพม่าเสียอีก แต่นานๆ ไปก็ดูไม่ออกเพราะถูกบังคับให้พูดภาษาพม่า ใช้อักษรพม่าซึ่งดัดแปลงมาจากอักษรมอญ แต่ทุกคนเกลียดชังพม่า ไม่มีทางลืมความทารุณโหดร้ายของกองทัพพม่าที่ปกครองประเทศมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2505 ทำประเทศพม่ากลายเป็นประเทศล้าหลังเกือบทุกด้าน

ความหวังว่านางซูจี ลูกสาวนายพลออง ซาน เมื่อพรรคของนางได้รับการเลือกตั้งเป็นเสียงส่วนใหญ่ในสภานิติบัญญัติ หวังว่าจะเป็นผู้นำในการปฏิรูปประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตย เปิดการค้าขายและการลงทุนกับต่างประเทศ เปิดเสรีในการประกอบกิจการของเอกชน ยังไม่มีเรื่องไหนปรากฏเป็นรูปธรรม นางซูจีก็ถูกกลืนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจของกองทัพในการปกครองประเทศ ไม่สามารถปฏิบัติตามคำมั่นสัญญากับชนชาติต่างๆ ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่าได้ ธงชาติก็ไม่สามารถเปลี่ยนกลับไปเป็นธงชาติของสหภาพพม่าได้ มีเพียงชื่อประเทศเท่านั้นที่เปลี่ยนจากสหภาพพม่าเป็นสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า เป็นรูปสาธารณรัฐแทนที่จะใช้รูปสมาพันธรัฐดังที่เคยสัญญาไว้

การสู้รบระหว่างชนชาติต่างๆ กับรัฐบาลพม่าคงไม่จบง่ายๆ จนกว่าแคว้นต่างๆ จะได้รับเอกราช..

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image