ความคืบหน้าอุบัติเหตุรถตู้รับบริการนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นพุ่งชนท้ายรถบรรทุกสิบล้อ เหตุเกิดบนถนนสาย 347 อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเสียชีวิต เป็นชาย 2 คน หญิง 2 คน และไกด์หญิงคนไทย 1 คน รวม 5 คน ส่วนคนขับรถตู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส นอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.พระนครศรีอยุธยา
พ.ต.อ.สง่า ธีรศรัณยานนท์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยความคืบหน้าว่า ตำรวจได้เข้าพบนายจรัญ อักษรศรี อายุ 52 ปี คนขับรถตู้ โดยนายจรัญรับสารภาพว่าช่วงเกิดเหตุหลับใน เพราะว่าก่อนวันเกิดเหตุได้นอนตอนเที่ยงคืน และมาตื่นตอนเวลา 04.00 น.ของวันเกิดเหตุ เวลา 05.00 น.ไปรับนักท่องเที่ยวชุดนี้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนจะมาตระเวนท่องเที่ยวในอยุธยาทั้งวัน ทำให้วูบหลับจนเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูล GPS ของกรมการขนส่งทางบกที่ระบุว่ารถตู้เร่งเครื่องไปที่ 93 กิโลเมตร/ชั่วโมง และอีก 5 นาทีต่อมาก็เกิดอุบัติเหตุ
อย่างไรก็ตาม พบว่าผู้เสียชีวิตมีถึง 2 ท่านเป็นนายแพทย์ฝีมือดีของประเทศญี่ปุ่น (คือ Mr.Yoshio Komeima อายุ 68 ปี และ Mr.Katsuhiko Narimoto อายุ 65 ปี) โดยในวันนี้ นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก จะเดินทางมาตรงจุดเกิดเหตุเพื่อแถลงข่าวและทำพิธีขอขมาดวงวิญญาณและญาติผู้เสียชีวิตด้วย
ขณะที่สื่อต่างประเทศได้นำเสนอข่าวดังกล่าวว่า รถตู้นำนักท่องเที่ยวมุ่งหน้าไปที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ก่อนมาเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เดินทางออกจากนครโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เพื่อมาที่กรุงเทพฯและจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีกำหนดการเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 10 พฤศจิกายน แต่มาเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตเสียก่อน
รายงานระบุว่า แม้ประเทศไทยจะมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดีกว่าหลายประเทศใกล้เคียง แต่ประเทศไทยมีอัตราการเสียชีวิตบนท้องถนนมากที่สุดติดอันดับโลก โดยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกระบุว่าแต่ละปีมีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในประเทศไทยประมาณ 24,000 คน อย่างไรก็ตาม สถิติดังกล่าวไม่ได้ส่งผลต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้สำคัญของประเทศไทย โดยปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนประเทศไทยมากกว่า 30 ล้านคน
