ที่ฟิลิปปินส์ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการลงนามว่า ไทยในฐานะประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับฮ่องกง พร้อมรัฐมนตรีเศรษฐกิจประเทศสมาชิกอาเซียน และ นายเอ็ดเวิร์ด เยา รัฐมนตรีพาณิชย์และการพัฒนาเศรษฐกิจฮ่องกง ร่วมลงนามในความตกลงการค้าเสรีอาเซียน – ฮ่องกง ( AHKFTA) และความตกลงด้านการลงทุนระหว่างอาเซียน-ฮ่องกง ( AHKIA) ซึ่งเป็นความตกลงลำดับที่ 6 ระหว่างอาเซียนกับประเทศภายนอก โดยความตกลงได้ครอบคลุมการเปิดเสรีการค้าสินค้า การค้าบริการ การอำนวยความสะดวกทางการค้า และการให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ รวมทั้งส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างอาเซียนกับฮ่องกง
โดยอาเซียนสามารถใช้ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นประตูสู่ตลาดใหญ่อย่างจีน จากช่องทางที่ฮ่องกงและจีนได้ทำความตกลงการค้าเสรีระหว่างกันเองไว้ อีกทั้งยังเป็นโอกาสในการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของฮ่องกงด้านการเงิน โลจิสติกส์และการให้บริการทางกฎหมาย ตลอดจนการเป็นศูนย์กลางทางการเงินในภูมิภาคของฮ่องกง
สำหรับไทยจะได้รับประโยชน์ในเชิงยุทธศาสตร์ จากการที่ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนของภูมิภาคและประตูสู่จีนและตลาดอื่น ๆ ทั่วโลก ซึ่งไทยและฮ่องกงพร้อมสร้างความร่วมมืออย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันโดยเฉพาะการ เป็นประตูการค้าและการลงทุนสู่ภูมิภาคระหว่างกัน การยกระดับของการค้าบริการ และเพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน รวมทั้ง การเชื่อมโยงโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก ( EEC) ของไทยกับนโยบายหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ของจีน และเขตเศรษฐกิจใหม่ (ฮ่องกง มาเก๊า และมณฑลกว้างตุ้ง)
ทั้งนี้ ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง และความตกลงด้านการลงทุน มีสาระดังนี้
1. การค้าสินค้า กำหนดกรอบลดอัตราภาษีนำเข้า โดยแบ่งเป็นกลุ่มสินค้าปกติ จะลดภาษีเป็นศูนย์ภายใน 3 ปี และ 10 ปี กลุ่มสินค้าอ่อนไหว จะลดภาษีเหลือ 0-5% ภายใน 12 ปี กลุ่ม สินค้าอ่อนไหวสูง จะลดภาษีเหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับ 50% ภายใน 14 ปี และสินค้าไม่ลดภาษี โดยฮ่องกงจะได้รับประโยชน์จากอัตราภาษีนำเข้าสินค้าที่ต่ำลงของอาเซียน ส่วนอาเซียนจะได้รับประโยชน์จากการที่ฮ่องกงยินยอมผูกพันภาษีนำเข้าสินค้าทุกรายการจากอาเซียนในอัตรา 0% ซึ่งสร้างความแน่นอนต่อการส่งออกไปยังฮ่องกง ว่า ฮ่องกงไม่สามารถขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากอาเซียนได้ในอนาคต ทั้งนี้ ความตกลงได้กำหนดกฎถิ่นกำเนิดสินค้าที่รัดกุม ป้องกันการสวมสิทธิจากประเทศที่ไม่ใช่ภาคีสมาชิกของความตกลงนี้
2. การค้าบริการ สมาชิกอาเซียนและฮ่องกงมีข้อผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการแยกเป็นรายประเทศ โดยฮ่องกงจะเปิดตลาดการค้าบริการให้อาเซียนมากกว่าที่เปิดให้แก่ประเทศอื่นๆ ภายใต้ดับเบิลยูทีโอ เช่น อนุญาตให้ผู้ให้บริการของภาคีสมาชิกเข้าไปลงทุนในฮ่องกงโดยถือหุ้น 100% ในสาขาบริการต่าง ๆ จำนวนกว่า 90% ของสาขาบริการ และ เปิดตลาดการค้าบริการเพิ่มเติมตามที่ไทยเรียกร้องในสาขาบริการการผลิตเนื้อหารายการแก่ผู้ประกอบการวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ โดยผู้ให้บริการของภาคีสมาชิกสามารถถือหุ้นได้ 100% สำหรับการให้บริการโดยบุคคลธรรมดา
3. ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ อาเซียนและฮ่องกงได้จัดทำแผนงาน ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ ซึ่งครอบคลุมความร่วมมือใน 5 สาขา ได้แก่ บริการวิชาชีพ พิธีการศุลกากร การอำนวยความสะดวกทางการค้า/โลจิสติกส์ เอสเอ็มอี และ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยฮ่องกงได้จัดสรรให้เงินสนับสนุน 25 ล้านเหรียญฮ่องกง สำหรับโครงการความร่วมมือในระยะเวลา 5 ปี หลังความตกลงมีผลใช้บังคับ
4. ด้านการลงทุน จะครอบคลุมการคุ้มครองการลงทุนและการส่งเสริมและการอำนวยความสะดวกการลงทุน แบ่งออกเป็น 3 เรื่องหลัก คือ 1. การเปิดตลาด อาเซียนและฮ่องกงตกลงจะพิจารณาประเด็นของการเปิดตลาดด้านการลงทุนภายในเวลา 1 ปีหลังจากความตกลงมีผลใช้บังคับแล้ว 2.การคุ้มครองการลงทุนให้แก่นักลงทุนของภาคีหลังจากที่ได้เข้ามาจัดตั้งธุรกิจแล้วในอีกภาคีหนึ่ง รวมถึง การปฏิบัติต่อการลงทุนด้วยความเป็นธรรมและเท่าเทียมกันและการให้ความคุ้มครองและความมั่นคงอย่างครบถ้วน และ 3. การส่งเสริมและการอำนวยความสะดวกการลงทุน เช่น การสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน การทำให้กระบวนการสำหรับการยื่นขอและการอนุมัติการลงทุน ง่ายขึ้น การส่งเสริมการเผยแพร่ข้อมูลด้านการลงทุน และการจัดตั้งศูนย์การลงทุนแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว เป็นต้น
ทั้งนี้ ปี 2559 การค้ารวมระหว่างไทยกับฮ่องกง มีมูลค่า 13 พันล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้า ข้าว ผลไม้สด สินค้านำเข้าจากฮ่องกง ได้แก่ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อัญมณีและเครื่องประดับ และผ้าผืน ส่วนการลงทุนของฮ่องกงในไทย ปี 2559 มีโครงการลงทุนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ 32 โครงการ รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 8.6 พันล้านบาท นอกจากนี้ ไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวฮ่องกงกว่า 7.5 แสนคน