บอร์ดองค์การค้าฯไฟเขียวจ่ายหนี้คืน บ.ล็อกซเล่ย์ 1.2 พันล้านบาท ผ่อน 6 ปี เริ่มงวดแรก ม.ค.61

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารองค์การค้า ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) หารือกรณีที่บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการฝากขายหนังสือเรียนกับองค์การค้าฯจำนวน 1,400 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยและการเจรจาเป็นผลสำเร็จ ได้ข้อสรุปว่า องค์การค้าฯผ่อนชำระหนี้คืนให้กับทางบริษัท ล็อกซเล่ย์ แบ่งเป็น 6 งวด ตั้งแต่ปี 2561-2566 ปีละ 200 กว่าล้านบาท คิดเป็นยอดหนี้ประมาณ 1,200 กว่าล้านบาท โดยได้หักลบสินค้าที่ไม่ได้รับฝากมูลค่าประมาณ 145 ล้านบาท ออกจากยอดหนี้ ทั้งนี้ ทางองค์การค้าได้ยกร่างสัญญาการชำระหนี้ให้ที่ประชุมพิจารณาซึ่งที่ประชุมอนุมัติร่างสัญญาการชำระหนี้ตามที่เสนอ โดยจะเริ่มชำระหนี้งวดแรกในเดือนมกราคม 2561 นี้
นพ.ธีระเกียรติกล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าการยกร่างข้อตกลงความร่วมมือ หรือเอ็มโอยู ฉบับใหม่ ระหว่าง สกสค. กับธนาคารออมสิน ซึ่งต่อไป สกสค. จะไม่เป็นตัวกลางในการรับเงินส่วนต่าง 1% ที่ธนาคารออมสินคืนให้ครูผ่านกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) และฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษากรณีคู่สมรส (ช.พ.ส.) นั้น ทราบว่า ได้มีการยกร่างข้อตกลงความร่วมมือฉบับใหม่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างนำรายละเอียดในร่างความร่วมมือฉบับใหม่ไปรับฟังความคิดเห็นจากครูและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ต่างๆ และจะมีการนัดหารือร่วมกับธนาคารออมสินอีกครั้งในเดือนธันวาคม ทั้งนี้ตนได้ให้นโยบายกับนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค.ว่า แม้ สกสค.จะไม่รับเงิน 1% เข้ากองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯแล้ว แต่เรามีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ครู ดังนั้นจึงต้องดูข้อตกลงใหม่อย่างละเอียด ไม่ให้ครูเสียเปรียบ

“การยกร่างข้อตกลงฉบับใหม่ต้องทำให้รัดกุม ไม่ให้ครูเสียเปรียบ เช่นการทวงหนี้ครู หรือการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งได้ข่าวจากบางพื้นที่ว่ามีการใช้วิธีขู่ครู ว่าถ้าไม่จ่ายจะฟ้อง คิดว่าไม่ใช่วิธีการปรับโครงสร้างหนี้ที่ดี และคิดว่าจะอยู่ในข้อตกลงความร่วมมือฉบับใหม่ ดังนั้น สกสค.ต้องดูรายละเอียดให้ดี เพราะเราต้องดูแลครูของเรา อีกทั้งผมเองยังต้องการตรวจด้วยว่า ยอดหนี้ทั้งหมดมีจำนวนเท่าไร และจำนวนเงิน 0.5-1% ที่ธนาคารออมสินคืนให้ สกสค.ผ่านกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯนั้น ปกติเป็นเงินจำนวนเท่าไรในแต่ละปี และได้มีการนำเงินไปคืนให้ครูจริงหรือไม่ ผมอยากให้ทำรายละเอียดมาให้ดู” นพ.ธีระเกียรติกล่าว และว่า ส่วนเงินที่ธนาคารออมสินได้หักจากบัญชีกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ เพื่อชำระหนี้แทนครูที่ค้างชำระเกิน 3 งวดขึ้นไปนั้น แม้ธนาคารออมสินจะหักเงินจากกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯไป เพื่อชำระหนี้แทนครู แต่เงินจำนวนนี้ก็คือเงินของธนาคารออมสินที่คืนให้กองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯเอง ไม่ใช่เงินของ สกสค. ดังนั้น ธนาคารออมสินก็จะต้องไปหาวิธีปรับโครงสร้างหนี้ และดำเนินการตามกฎหมายกับครูที่ไม่มีวินัยทางการเงิน ส่วนเมื่อได้เงินคืนแล้วจะต้องส่งคืนให้กองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯหรือไม่นั้น ถ้าอยู่ในข้อตกลงเก่าก็ควรจะคืนให้ สกสค. แต่คิดว่าเป็นเรื่องยาก

 

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image