“สมชัย”ห่วงเลือกตั้งท้องถิ่น สร้างภาระ กกต.ชุดใหม่ เตือนรัฐบาลมีอำนาจแค่ปลดล็อก อย่าชี้หน่วยงานจัด ลต. ยันเป็นบทบาท กกต. ย้ำ คสช.หนุนพรรคการเมือง เสี่ยงขัด กม. แนะนัก กม.ช่วยท้วงติง
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. กล่าวกรณีรัฐบาลจะให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นก่อนการเลือกตั้ง ส.ส.ว่า กกต.มีความพร้อม โดยมีการสำรวจว่ามีท้องถิ่นที่จะต้องเลือกตั้งทุกประเภทรวม 8 พันกว่าแห่ง สิ่งที่เป็นห่วงไม่ใช่เรื่องการจัดการเพราะมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและมหาดไทยช่วยจัดการเลือกตั้ง แต่เป็นเรื่องการทุจริตเลือกตั้งเพราะหากเลือกตั้งพร้อมกันทั้ง 8 พันกว่าแห่งและมีคดีร้องเรียนเพียงแค่แห่งละ 1 เรื่องก็จะเป็นภาระของ กกต.อย่างมาก เพราะต้องดำเนินการเลือกตั้งให้สุจริตเที่ยงธรรม หากมีปัญหาจะสามารถประกาศผลได้หรือไม่ จึงต้องเตรียมการรองรับไว้ นอกจากนี้ กกต.จะให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาตรา 27 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. ที่ให้อำนาจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดเลือกตั้งว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งในแง่การดำเนินการรัฐธรรมนูญเขียนว่า กกต.มีอำนาจในการจัดการ โดยอำนวยการให้มีจัดทำเองหรือมอบหน่วยราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทำก็ได้ ซึ่งกรณีทั่วไปกกต.จะมอบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นช่วยจัดการ แต่ในบางหน่วยที่ไม่สามารถให้หน่วยราชการหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดการเอง กกต.ควรมีอำนาจในการจัดการเอง และเห็นว่าปัญหาข้อกฎหมายนี้ไม่ได้ถึงขนาดจะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหากมีการร้องในภายหลัง เพราะยังอยู่ในเงื่อนไขที่ กกต.ดำเนินการให้มี จึงไม่ขัดรัฐธรรมนูญ การจัดการเลือกตั้งจึงถูกต้องตามกฎหมาย เพียงแต่ในบางพื้นที่ที่องค์กรปกครองท้องถิ่นหรือหน่วยราชการทำไม่ได้ กกต.ควรจะดำเนินการได้เอง ซึ่งเป็นประเด็นที่อยากให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
“ฝากไปถึงรัฐบาลว่าการจัดการเลือกตั้งในพื้นที่ใดเป็นอำนาจและการประเมินของ คสช.ว่าจะให้มีการเลือกตั้งในระดับใดและสามารถผ่อนคลายในพื้นที่ใดบ้าง แต่เมื่อปลดล็อกแล้วกระบวนการจัดการน่าจะต้องเป็นบทบาทของ กกต.ที่จะต้องประชุมว่าจะมอบหมายให้ใครจัดการเลือกตั้งซึ่งอาจจะเป็นกระทรวงศึกษาธิการ หรือหน่วยราชการ หรือท้องถิ่นจัดการเลือกตั้งก็ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ กกต.ชุดใหม่จะตัดสิน ไม่ใช่อยู่ดีๆ รัฐบาลกำหนดว่าใครเป็นคนทำอย่างนี้ไม่ถูก เพราะ กกต.ต้องเป็นคนกำหนด”
นายสมชัยยังกล่าวย้ำถึงปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับกรณีที่ คสช.จะสนับสนุนพรรคการเมือง ว่า อยากให้ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายคณะกรรมการกฤษฎีกาออกมาให้ความเห็น โดยเฉพาะกรธ.ที่เป็นผู้ร่างกฎหมายว่าความเห็นของตนถูกต้องหรือไม่ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้ตนเองฉลาดขึ้นด้วย และอยากให้คนในสังคมช่วยกันให้คำตอบที่ถูกต้องดีกว่าไปถามประชาชนที่ไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย และคำตอบจากประชาชนไม่ได้หมายความว่าเป็นคำตอบที่ถูกต้องในเชิงของกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้เป็นการถามในเชิงทัศนคติ
“ผมเห็นว่าคนที่จะใช้กฎหมายต้องอยู่บนหลักที่ถูกต้องเป็นธรรม อย่าคิดเพียงว่าเป็นกลุ่มพวกเดียวกัน ก็ตอบเอาใจซึ่งกันและกันเพราะท้ายสุดจะก่อให้เกิดความเสียหาย ส่วนนายกฯจะรับฟังความเห็นหรือไม่เป็นเรื่องของนายกฯ”
