พสกนิกรหลั่งไหลชมพระเมรุมาศไม่ขาดสาย อยากให้ขยายวันเข้าชมเพิ่ม

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศวันที่ 13 ของการเปิดให้เข้าชมนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เพื่อให้ประชาชนเข้าชมความงดงามของสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และจิตรกรรม ภายในพระเมรุมาศและอาคารประกอบพระเมรุมาศ และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ว่า มีประชาชนจากทุกสารทิศทยอยเข้าจุดคัดกรองตั้งแต่ช่วงเช้ามืด จากนั้นมานั่งรอคอยในเต็นท์เพื่อรอเรียกเข้าชมนิทรรศการตามลำดับรอบ รอบละ 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมง โดยเมื่อเข้าไปจะได้รับแจกแผ่นพับนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ซึ่งเป็นแผ่นพับเดียวกับที่แจกเป็นที่ระลึกหลังวางดอกไม้จันทน์ในวันที่ 26 ตุลาคม และเมื่อได้เข้าไปในบริเวณพระเมรุมาศแล้ว ประชาชนต่างนำโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก หลายคนนั่งพับเพียบหรือนั่งคุกเข่าถ่ายรูปตามความร่วมมือขอถ่ายรูปโดยสุภาพ และเดินชมนิทรรศการ และเมื่อออกจากการชมนิทรรศการประชาชนจะได้รับแจกโปสการ์ดทรงสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์ มาจัดพิมพ์ 9 แบบ แจกแบบละวันกลับไปเป็นที่ระลึก

นายวิจัย นกทอง อายุ 56 ปี ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านวังชุมพร อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ มาพร้อมคณะครูและตัวแทนนักเรียน เล่าด้วยสีหน้าประทับใจว่า เป็นการมาชมครั้งแรกของครูและตัวแทนนักเรียน ที่รู้สึกตื่นเต้นประทับใจมาก ถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะนำประสบการณ์ในวันนี้กลับไปเล่าให้นักเรียนที่ไม่ได้มาได้ทราบว่านิทรรศการจัดแสดงได้ยิ่งใหญ่อย่างไรบ้าง ทั้งนี้ ตัวครูชอบนิทรรศการในส่วนพระเมรุมาศเป็นพิเศษ เพราะจัดสร้างได้สวยงามมาก อีกทั้งยังมีสัตว์ป่าหิมพานต์ เหล่าเทพเทวดาต่างๆ ซึ่งวิจิตรงดงามมาก ซึ่งเป็นไปได้ก็อยากให้ขยายวันเข้าชมให้เลยวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ไปอีก เพราะที่โรงเรียนกำลังหารือกันว่าจะพานักเรียนที่โรงเรียนมาทัศนศึกษาดีไหม หลังจากส่งคณะครูและตัวแทนนักเรียนมาทดลองในวันนี้ ซึ่งหากขยายก็คิดว่าจะได้พาเด็กๆ ที่เหลืออีกจำนวนมากให้ได้มาชมต่อไป

วิจัย (คนขวา)

“ประทับใจพระราชกรณียกิจในหลวง ร.9 ด้านโครงการชลประทาน ตั้งแต่โครงการฝนหลวง ไปถึงโครงการบริหารจัดการน้ำต่างๆ เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ขาดแคลนน้ำ แต่พอมีโครงการของพระองค์เข้ามา สถานการร์เรื่องน้ำก็ดีขึ้น และยังเป็นต้นแบบให้ต่างประเทศในศึกษาดูงานนำไปใช้ประโยชน์ได้อีกด้วย อย่างไรก็ดี จะสอนให้นักเรียนรู้จักถึงพระองค์และน้อมนำคำสอนของพระองค์มาปฏิบัติใช้ในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง” นายวิจัยกล่าว

Advertisement

ขณะที่ นางสาวปภัสนัน เมณฑ์กูล นักเรียนชั้นม.3 โรงเรียนบ้านวังชุมพร กล่าวว่า เคยดูแต่ในโทรทัศน์ พอได้มาชมจริงๆ ก็สวยงามและยิ่งใหญ่กว่าที่คิดมาก โดยเฉพาะในส่วนสัตว์ป่าหิมพานต์ที่ทำออกมาได้มีมิติเสมือนมีชีวิตจริงที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ อีกทั้งยังได้ความรู้จากนิทรรศการต่างๆ ที่นำมาจัดแสดง ซึ่งก็จะกลับไปเล่าให้เพื่อนๆนักเรียนที่ไม่ได้มาด้วยได้ฟัง ว่าในหลวง ร.9 ทรงงานเพื่อคนไทยหลายอย่าง และพระราชทานโครงการมากมายเพื่อคุณภาพชีวิตคนไทย ทั้งนี้ เห็นด้วยหากขยายวันเปิดเข้าชมนิทรรศการออกไปอีก เพราะโรงเรียนมีแผนจะพานักเรียนอีกจำนวนมากที่ไม่ได้มาในวันนี้ให้ได้มาชมในโอกาสต่อไป

ปภัสนัน (แถวหน้าคนที่ 5 จากขวา)

ส่วน นางสาวจิตติมา สิริเสนีย์ อายุ 37 ปี ชาวเขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ มาพร้อมมารดาและลูกสาว เล่าด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า เป็นครั้งแรกและครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้มาชม เพราะไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน วันนี้จึงตั้งใจหยุดงานเพื่อพาครอบครัวมาชม ซึ่งพอได้เห็นพระเมรุมาศก็ประทับใจมาก ทั้งสวยงามและยิ่งใหญ่กว่าที่คิดและชมในโทรทัศน์มาก ทั้งนี้ เห็นด้วยที่จะขยายวันเปิดให้เข้าชมนิทรรศการไปถึงวันที่ 30 ธันวาคม

“น้อมนำคำสอนพระองค์เรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต และเพียรพยายามในการทำงานมาปรับใช้ในชีวิต แม้จะเป็นพนักงานบริษัท เป็นคนทำงานในตำแหน่งเล็กๆ แต่ก็เชื่อว่าหากได้ทำงานตามคำสอนของพระองค์ ก็จะก่อประโยชน์ให้สังคมและก้าวสู่ความสำเร็จในสักวันแน่นอน” นางสาวจิตติมากล่าว

Advertisement
จิตติมา(คนขวาอุ้มเด็ก)
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image