กรณี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) มีคำสั่งให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (บช.ภ.8) ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงนายตำรวจระดับ พ.ต.ท.-ร.ต.ท. รวม 15 นาย ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต กรณีจับกุมชาวต่างชาติ142 ราย ทำผิดกฎหมาย รวมถึงชาวต่างชาติที่อยู่ในราชอาณาจักรเกินกฎหมายกำหนด (Overstay) แล้วไม่ส่งตัวให้กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.)
ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า จากกรณีตรวจสอบพบตำรวจ จ.ภูเก็ต ละเลยไม่ส่งตัวต่างด้าวทำผิดกฎหมายให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ผลักดันออกนอกราชอาณาจักรตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง ในช่วง 1 ปีมากถึง 1,730 ราย โดยตอนแรกที่สั่งให้ตรวจสอบพบเพียง 142 รายเท่านั้น อย่างไรก็ดี ในจำนวน 1,730 ราย ที่ตรวจสอบพบล่าสุดไม่ซ้ำกับบุคคลเดิม และในจำนวนนี้บางส่วนมีนัยยะด้านความมั่นคงด้วย โดยพบเป็นชาวตะวันออกกลางถึงร้อยละ 10
พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวต่อว่า จากการตรวจพบดังกล่าวได้สั่งการให้ บช.ภ.8 ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตำรวจเพิ่มอีก 53 นาย จากเดิม 15 รวม 68 นาย โดยมีหัวหน้าโรงพักใน จ.ภูเก็ต 10 แห่ง ยกเว้น สภ.เมืองภูเก็ต ที่ไม่พบความผิดปกติ โดยกำชับในการสืบสวน เป็นไปตามตามคำสั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 1212 ให้ตรวจสอบถึงระดับผู้บังคับบัญชา รอง ผบก. และ ผบก.ด้วย ส่วนจะให้ย้ายพ้นตำแหน่งหรือไม่ อยู่กับผู้ตั้งกรรมการสืบสวน
“สำหรับนายตำรวจที่ถูกตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง แยกเป็น ผกก.15 นาย รอง ผกก.7 นาย สว.14 นาย และรอง สว.32 นาย ส่วนใหญ่ทำงานสอบสวน โดยให้ตรวจสอบถึงสาเหตุที่ละเลย ไม่รู้ว่ามีเรื่องผลประโยชน์เกี่ยวข้องหรือเปล่า ขณะนี้ยังไม่พบ เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุที่ตำรวจท้องที่ไม่ส่งตัวต่างชาติให้ ตม.เนื่องจากเห็นเป็นคดีลหุโทษ จึงละเลย แต่ตามระเบียบต้องส่งทุกคดี นอกจากนี้ สั่งการให้ ตม.ไปตรวจสอบทั่วประเทศ ว่ามีลักษณะที่ตำรวจท้องที่ไม่ส่งตัวมาให้ ตม.หรือไม่ หรือ ตม.ไม่ผลักดันออกนอกประเทศหรือไม่ ภายใน 15 วัน แล้วรายงานมายังผม เนื่องจากเป็นเรื่องความมั่นคง” พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว
