‘ซีพีเอฟ’รายงานยอดขาย 9 เดือน 372,024 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 8 จากการลงทุนใน 15 ประเทศ

สุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์

บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ รายงานยอดขายงวด 9 เดือนปี 2560 จำนวน 372,024 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 8 จากปีที่ผ่านมา โดยยอดขายจากกิจการในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 13% ส่วนยอดขายจากกิจการในประเทศไทยอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2559 ที่ผ่านมา

ซีพีเอฟเป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารในประเทศไทย ได้มีการขยายการลงทุนในต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เวียดนาม สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน อินเดีย ตุรกี รัสเซีย กัมพูชา ฟิลิปปินส์ มาเลย์เซีย อังกฤษ เบลเยี่ยม ศรีลังกา และโปแลนด์ โดยล่าสุดได้มีการลงทุนในประเทศเยอรมันเป็นประเทศที่ 17 เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

“บริษัทได้มีการขยายการลงทุนไปยังประเทศต่างๆ เพื่อช่วยสนับสนุนการพัฒนาการเลี้ยงสัตว์สมัยใหม่ในหลายประเทศเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าเนื้อสัตว์คุณภาพ และได้เริ่มลงทุนด้านธุรกิจอาหารในประเทศที่มีอุปสรรคด้านการส่งออกจากประเทศไทย เช่น สหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป การลงทุนในต่างประเทศนี้เป็นปัจจัยหลักที่เสริมการเติบโตของซีพีเอฟ โดยในรอบระยะเวลา 9 เดือนแรกของปีนี้ กิจการต่างประเทศมียอดขายเติบโตถึงร้อยละ 13 ในขณะที่ยอดขายจากประเทศไทยใกล้เคียงกับระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทำให้ยอดขายจากกิจการในต่างประเทศมีสัดส่วน 64% ของยอดขายรวม ส่งออกจากประเทศไทย 6% และกิจการในประเทศไทยนั้นมีสัดส่วน 30%” นายสุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) กล่าวถึงปัจจัยหลักที่ผลักดันการเติบโตของซีพีเอฟ

ในปีนี้ธุรกิจอาหารโดยเฉพาะในต่างประเทศมีอัตราการเติบโตสูงสุดถึงร้อยละ 72 อันเป็นผลมาจากการขยายการลงทุนในหลายประเทศและการเข้าซื้อกิจการในปีที่ผ่านมา สำหรับธุรกิจการเลี้ยงสัตว์นั้น ประสบกับภาวะสินค้าสุกรล้นตลาดในประเทศเวียดนาม กัมพูชาและประเทศไทย ทำให้ราคาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปีก่อน โดยเฉพาะราคาสุกรในเวียดนามนั้นลดลงจากระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้วประมาณร้อยละ 40 ทำให้ในปีนี้บริษัทประสบกับภาวะราคาขายต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ส่งผลให้อัตราการทำกำไรของบริษัทลดลง

Advertisement

บริษัทให้ความสำคัญในการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้ลดลงจากการพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิตและการทำงาน ประกอบกับการได้ส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมและการร่วมค้าสูงขึ้น รวมทั้งการมีรายได้จากการขายเงินลงทุนเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิสำหรับรอบระยะเวลา 9 เดือนปีนี้จำนวน 12,933 ล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา นายสุขสันต์กล่าวปิดท้ายถึงผลการดำเนินงานรอบระยะเวลา 9 เดือนปี 2560 นี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image