กรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) และสำนักงานเขตปทุมวัน รื้อถอนอาคารโครงการดิเอทัส ภายในซอยร่วมฤดี เขตปทุมวัน เนื่องจากอาคารก่อสร้างสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด โดยเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจอาคารและติดป้ายระงับใช้อาคาร หากฝ่าฝืนมีโทษปรับวันละไม่เกิน 30,000 บาท นั้น
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน นายภิญโญ สวัสดิ์สิทธิ์ ที่ปรึกษาผู้บริหารโครงการดิเอทัส เปิดเผยว่า โครงการดิเอทัสยังคงยืนยันว่าได้ขออนุญาตปลูกสร้างอาคารอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารเพิ่มเติม เพื่อยืนยันความถูกต้อง คาดว่าภายในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ จะได้ความชัดเจน จากนั้นจะนำเอกสารทั้งหมดยื่นอุทธรณ์ต่อศาล และว่า ล่าสุดโครงการได้รับหนังสือจากสำนักงานเขตปทุมวันแจ้งให้ชำระค่าปรับ หากโครงการไม่ปฎิบัติตามคำสั่งจะระงับใช้อาคาร มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 100,000 บาท และสำนักงานเขตมีอำนาจปรับตามกฎหมาย อาคารละ 15,000 บาทต่อวัน ทั้งโรงแรมดิเอทัส และอาคารเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ ดิเอทัส แต่หนังสือไม่ระบุยอดค่าปรับว่าโครงการต้องจ่ายตั้งแต่เมื่อใดและจำนวนเท่าใด
“ปัจจุบันโครงการดิเอทัสได้รับความเสียหายจากการถูกยกเลิกห้องพักเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าระยะสั้นของโรงแรมดิเอทัสที่สำรองห้องพักไว้ล่วงหน้า ขอยกเลิกห้องจัดเลี้ยงและพื้นที่จัดงาน รวมถึงลูกค้าที่เช่าอพาร์ทเมนท์ อย่างไรก็ตาม มีลูกค้าบางส่วนยืนยันอยู่ต่อเพราะเชื่อมั่นในโครงการ ส่วนมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น ขณะนี้ฝ่ายบัญชีอยู่ระหว่างการประเมินตัวเลข
ด้าน พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า กทม.ยืนยันรื้ออาคารทั้งหมดภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 เพื่อหลีกเลี่ยงโทษตามมาตรา 157 ฐานเจ้าพนักงานละเว้นการ
ปฎิบัติหน้าที่ แต่เชื่อว่าเจ้าของโครงการฟ้องร้อง กทม.เป็นจำนวนเงินหมื่นล้านบาทเช่นกัน เพราะก่อนหน้านี้ได้รับการยืนยันจากเขตปทุมวันว่าถนนด้านหน้าโครงการกว้าง 10 เมตร สามารถสร้างโครงการที่มีความสูงเกิน 8 ชั้น ได้
