สังคมสัมผัสได้ถึงความร้อนแรง เฉียบขาด อันสะท้อนมาจากพรรคประชาธิปัตย์อย่างผิดปกติ
เริ่มประเด็น “ปรับครม.”
ตามมาด้วยประเด็น 6 คำถามจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอ ชา
ปัจจัยที่สังคม”สัมผัส” ได้
1 มิได้เป็นปฏิกิริยาอันมาจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อย่างธรรมดา
1 เป็นการออกโรงเองของบรรดา”ขาใหญ่”
ไม่ว่าจะเป็น นายถาวร เสนเนียม จากสงขลา ไม่ว่าจะเป็น นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ จากพัทลุง
หากเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
หลายคนอาจรู้สึกว่ากรณีความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวน ยางอาจเป็นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์รับไม่ได้
โดยเฉพาะการปรับทัศนคติ”แกนนำ”
เห็นได้จากอดีตส.ส.จากจังหวัดตรัง จังหวัดพัทลุง ออกโรงกันถ้วนหน้า
กรณีเกษตรกรชาวสวนยางอาจเป็นเรื่อง 1
แต่ที่สำคัญเป็นอย่างมากก็คือ ท่าทีล่าสุดจากคสช.ผ่าน 6 คำถามของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่ากับยืนยันทิศทางของ คสช.ว่าเป็นอย่างไร
เด่นชัดว่าไม่เอา”ประชาธิปัตย์”แน่ๆ
ที่คิดว่าคสช.จะเป็นเหมือนคมช. คือ ให้พรรคประชาธิปัตย์ออกหน้า ไม่ใช่แล้ว
ตรงกันข้าม คสช.”เล่นเอง”
ท่าทีที่แข็งกร้าวต่อ 6 คำถามอันมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอ ชา จึงเท่ากับเป็นการขีดเส้นแบ่งในทางการเมือง
อย่าว่าแต่พรรคประชาธิปัตย์เลยที่ “กร้าว”
แม้กระทั่งพรรคภูมิใจไทยอันเชื่อกันว่าเป็น”อะหลั่ย”อย่างค่อนข้างแน่นอน ก็เดินไปบนเส้นทางเดียวกันกับพรรคประชาธิปัตย์
ยิ่งเมื่อ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อ่านใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาอธิบายถึงความเสียดาย ยิ่งแจ่มชัด
ตรงนี้ต่างหากคือ”มูลเชื้อ”ของการ”ดับเครื่องชน”