ตำรวจโรงพักเมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุผัวฆ่ารัดคอเมียตาย โดยที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว พบศพผู้เสียชีวิตทราบชื่อ นางจันทร์เพ็ญ หนูแดง อายุ 32 ปี อยู่บ้านดังกล่าว นอนหงายเสียชีวิตอยู่ในชุดใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีแดง นุ่งกางเกงยีนขายาวสีน้ำเงิน อยู่บนที่นอนภายในห้องนอน สภาพศพที่ลำคอมีรอยช้ำ โดยมีผ้าขาวม้าติดอยู่ที่ลำคอ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
เบื้องต้นทราบว่าคนร้ายที่ฆ่านางจันทร์เพ็ญ คือนายปรีชา หนูแดง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเดียวกัน ซึ่งเป็นสามีของนางจัทร์เพ็ญ ผู้ตาย โดยหลังก่อเหตุได้หลบหนีไปก่อนเจ้าหน้าที่จะไปถึงที่เกิดเหตุ
นอกจากนั้นที่บ้านดังกล่าวยังมีนางหนูพร้อม หนูแดง อายุ 70 ปี แม่นายปรีชา สามีพักอาศัยอยู่ด้วยกัน ซึ่งยังอยู่ในอาการตกใจ แต่ก็ยังสามารถให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
การสอบปากคำ นางหนูพร้อมให้การกับตำรวจว่า ปกตินายปรีชา ลูกชายพร้อมนางจันทร์เพ็ญ ลูกสะใภ้อยู่กินกันที่บ้านหลังนี้มีลูกด้วยกัน 4 คน คนโตอายุ 11 ปี คนสุดท้องอายุ 2 ปี โดยต่างคนต่างทำมาหากิน จนกระทั่งนางจันทร์เพ็ญไปทำงานที่ซุปเปอร์มาเก็ตแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครศรีธรรมราช และไปมีชายอื่น จึงหนีออกจากบ้านไปอยู่กับสามีใหม่ ทิ้งให้นายปรีชาเลี้ยงลูกทั้ง 4 คน
ต่อมาวันที่ 12 พ.ย.60 นายปรีชาได้ไปตามหานางจันทร์เพ็ญ ภรรยาจนเจอจึงพากลับบ้าน บอกว่าลูกๆ คิดถึง เมื่อกลับมาถึงบ้านนายปรีชาพยายามบอกให้กลับมาอยู่กินกันเหมือนเดิมเพราะสงสารลูกที่ยังเล็กอยู่ แต่นางจันทร์เพ็ญไม่ยอม ทำให้มีปากเสียงทะเลาะกันทุกวัน โดยนางจันทร์เพ็ญบอกว่าจะเอาลูกไปเลี้ยงทั้งหมด นายปรีชาจึงโกรธจึงขังนางจันทร์เพ็ญไว้ในห้องนอน 2 วัน และยังคงมีปากเสียงทะเลาะกันทุกวัน
นางหนูพร้อมกล่าวต่อว่า กระทั่งช่วงเที่ยงวันทั้ง 2 มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ตนเองจึงได้ออกจากบ้านเพราะรับไม่ได้ ก่อนมีคนบอกว่านางจันทร์เพ็ญถูกฆ่ารัดคอตายอยู่ในห้องนอนที่บ้าน จึงรีบกลับมาดูพบว่านายปรีชา ลูกชายหนีไปแล้ว และชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงบอกว่า นายปรีชากับนางจันทร์เพ็ญมีปากเสียงทะเลาะกันเกือบชั่วโมงแล้วเสียงเงียบ ก่อนนายปรีชาจะรีบออกจากบ้าน หลังจากได้ฆ่ารัดคอนางจันทร์เพ็ญแล้ว
ขณะที่ตำรวจ กำลังเร่งทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อยื่นศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อขอหมายจับกุมตัวนายปรีชา ส่วนสาเหตุก็เป็นไปตามที่แม่ของนายปรีชาระบุคือเรื่องความหึงหวง แค้นที่นางจันทร์เพ็ญหนีไปอยู่กับชายอื่น และมั่นใจว่าจะสามารถจับกุมตัวนายปรีชามาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ในไม่ช้านี้
