เผลอแป๊บเดียว ปิ่น ณัฐนันท์ ฉวีวงษ์ ผู้จัดละครค่ายทีวีซีน ก็ทำละครโทรทัศน์มาแล้วถึง 25 ปี ในจำนวนนั้นมีทั้งละครทันสมัย ให้เห็นภาพความเป็นไปในยุคปัจจุบัน อย่าง ในสวนขวัญ , รากบุญ , ใต้เงาจันทร์ ฯลฯ รวมทั้งละครพีเรียดย้อนยุค อย่าง ขุนศึก , ข้าบดินทร์ , นางทาส และที่กำลังทำอยู่คือ หนึ่งด้าวฟ้าเดียว
ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว โดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ปิ่น ณัฐนันท์ บอกทันที ว่าละครพีเรียดนี่ยากกว่า ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่เนื้อหาอิงประวัติศาสตร์ด้วยแล้ว “มันจะยากไปหมด” แล้วก็ “เหนื่อยสาหัส”
“มันต้องค้นหาข้อมูลยุคนั้น ยุคที่เราจะทำว่าเป็นยังไง เสื้อผ้ายังไง ผมยังไง วิถีชีวิตยังไง”
“ข้อสำคัญลงทุนสูงมาก โอกาสที่จะมีกำไรจากการทำน้อย โอกาสขาดทุนเยอะ”
เพราะฉะนั้นจึงไม่ค่อยมีคนอยากทำเท่าไหร่
“ถ้าไม่ชอบจริงๆ ไม่รักจริงๆ ไม่มีใครอยากทำหรอก” เธอบอกชัด
“อย่างเสื้อผ้าก็ต้องตัดใหม่”
“เรื่องขุนศึก ข้าบดินทร์นี่เสื้อผ้าสวยงามมาก ชุดของพระเอกไม่เท่าไหร่ แต่ของนางเอก บางทีต้องไปยกมือไหว้ขอซื้อเลยนะ เจ้าของหวงมาก ข้าบดินทร์ไปซื้อกันที่ลพบุรี ไปนั่งคุยกับเจ้าของร้านที่เขาทอผ้าแบบนี้ มีอันไหนสวยเขาจะเอามาอวด ชิ้นนี้ใช้เวลาทำหลายเดือนมาก ไม่ขาย ชิ้นนี้แพงมาก ไม่ขายด้วย เพราะจะเก็บไว้ให้ลูกหลาน เราก็ต้องไปตะล่อม ไปอ้อน ไปจีบ เพราะเราไม่ได้สักแต่ว่าไปซื้อผ้าอะไรก็ได้ แล้วมาตัดให้แบบมันเข้ายุคสมัย แต่เราเอารายละเอียดของผ้ามาเลย”
“ผืนหนึ่งบางทีหลายหมื่น”
รวมๆแล้วบางเรื่้อง เฉพาะค่าเสื้อผ้าจึงปาไปหลายล้านบาท
เรื่องสถานที่ก็ยากใช่ย่อย-เธอบอกอีก
“เพราะในยุคนี้แทบจะไม่มีแล้ว บางทีจึงต้องสร้างขึ้นมา บางทีก็ต้องยอมโดนด่า ว่ามันไม่ใช่นี่หว่า แต่ก็ไม่รู้จะไปหาจากที่ไหนแล้ว” ประโยคหลังนี่มาพร้อมเสียงหัวเราะ
ก่อนบอกถึงเรื่องโดนด่า เวลาทำละครพีเรียด ว่าโดนบ่อย จน “น่าจะชินได้แล้วนะ แต่ว่าเราก็ยังไม่ชินสักที”
“โดนตั้งแต่แรกๆตอนวางตัว คือคนเขาจะให้เป็นคนนี้ เขาฝันของเขา แต่ของเรา ต้องเอาความเป็นจริง คือเราฝันที่จะอยากได้คนนั้น คนนี้ ได้ อยากได้ 1 แต่ก็ไปได้ 2 เพราะคิวของ 1 ไม่ว่าง ต้องรออีก 2 ปี เพื่อจะได้คิวของ 1 มาหรือ มันก็ไม่ได้”
“ตอนข้าบดินทร์ เจมส์ มาร์ โดนว่าหน้าตี๋ แต่เขาเต็มที่ เขาไม่รับงานเลยนะ 2 ปี แล้วไปฝึก ไปอะไรมา ไม่มีบ่น ยอมรับใจเขาเลย ดีกว่าคนที่หน้าตา ผม ได้หมด แต่เล่นไม่ได้ ไม่ดี อย่างนี้ก็ไม่มีประโยชน์”
พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เธอก็บอกด้วยว่าไปในบรรดาละครพีเรียดหลายต่อหลายเรื่องที่ทำมา ในส่วนนักแสดงนั้นดูเหมือนว่าจะมีก็แต่เรื่อง ‘หนึ่งด้าวฟ้าเดียว’ ซึ่งกำลังถ่ายทำ โดยได้ เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข มารับบทนำกับ แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์ เท่านั้นที่ไม่โดนคนดูติง แต่กว่าจะได้คู่นี้มา เธอก็ต้องยอมรอ เลื่อนการเปิดกล้องอยู่หลายเดือน หากกระนั้นก็ชื่นใจที่กระแสตอบรับดีตั้งแต่วันฟิตติ้ง ถึงขั้นคิดเลยว่า
“ต่อไปนี้ถ้าเป็นไปได้ เราจะเลื่อนรอดีกว่า รอในสิ่งที่ใช่”
“ไม่อย่างนั้นมันเหนื่อย ยังไม่ทันจะสร้างเลย ก็โดนด่า ก่อนจะออนแอร์ก็โดนอีก กว่าจะจบเรื่องนี่เครียดมาก เครียดเกินไปก็ไม่ไหว แก่แล้ว” ผู้จัดวัย 62 ปี บอกยิ้มๆ
ในเรื่องของภาพที่นำเสนอนั้น เธอบอกอีกว่า บางครั้งแม้จะรู้ว่า ‘ไม่ถูก’ แต่เพื่อความสวยงาม เหมาะสม เธอก็ต้องปรับ เช่นเรื่องเสื้อผ้าที่รู้ละว่า แบบนี้น่ะ ใช่เลย ถ้าออกไปก็ตรงเป๊ะตามความเป็นมา แต่ถ้าจะเอาอย่างนั้น แล้วภาพออกไปดูไม่สวย ก็ไม่เอาดีกว่า
“ถ้าไปใส่อยู่ในตัวนางเอกแล้วไม่สวย เพราะคนเราไม่ได้ใส่ทุกแบบแล้วจะสวยหมด ก็ต้องดัดแปลงเล็กน้อย เพื่อให้เข้ากับรูปร่างของเขา เรื่องผมก็เหมือนกัน ทรงมหาดไทย ใส่เข้าไปแล้วพระเอกจะหล่อไหม ถ้าไม่หล่อ เราก็ต้องยอมเป็นทรงอื่น แต่ว่าอยู่ในยุคสมัยนั้นเหมือนกัน”
ซึ่งพอเป็นอย่างนี้ “ก็โดนบ่นบ้าง ไม่บ่นบ้าง”
ในเรื่องที่โดนแบบสมควรนั้น ปิ่นบอกว่าเธอทำใจรับได้อยู่แล้ว
ส่วนที่โดนแบบไม่สมควร ก็ต้องทำใจเช่นกัน
เพราะ “เราจะทำยังไงได้ล่ะ”
“ต้องยอมนะ เพราะเขาคิดไม่เหมือนเราไง เราคิดว่า เอ๊ะ! มาติเราได้ไง แต่คนดูอาจคิดว่า ทำไมถึงทำแบบนี้ ซึ่งคนเราถ้าคิดเหมือนกันหมด มันก็ไม่สนุก และเพราะความคิดต่าง มันถึงได้มีอะไรๆที่ไม่เหมือนกันออกมา อันนี้คือคิดแง่บวก”
“แต่ถ้าคิดในแง่ของอารมณ์ ก็คิดว่าอุตส่าห์ทำให้ดูแล้วยังมาบ่นอยู่ได้ ด่าอยู่นั่นแหละ” นี่ก็เป็นความคิดในอีกแง่ ที่พูดแล้วเธอก็หัวเราะ
ก่อนจะว่า “แต่ถ้าเป็นเรื่องของความเข้าใจ เราก็ต้องใช้ธรรมะเยอะ”
แต่ไม่ว่า ณ เวลาที่ถูกด่านั้นๆจะคิดในมุมไหน สุดท้ายเธอยังตั้งใจจะทำละครแนวนี้ต่อ
เพราะ “คนทำจะมีความปิติ ปลื้มใจทุกครั้งที่เห็นผลงานของเราออกมา แล้วพอคนชอบ ก็จะฮึกเหิม ภูมิใจ อิ่มใจ ซึ่งมันยิ่งกว่าได้เงินอีกนะ”
“ไม่งั้่นคงไม่ทำ”
