ที่ท่านรองนายกฯ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ลงความเห็นว่า”สื่อ”ยังไม่นิ่งในข่าว”ปรับครม.”
ถูกต้องอย่างยิ่ง ถูกต้องอย่างที่สุด
แต่คำถามที่ย้อนกลับไปยัง ท่านรองนายกฯ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็คือ
เหตุปัจจัยอะไรทำให้ “สื่อ” ไม่นิ่ง
ใครที่อยู่ในตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ก็ย่อมสัมผัสได้ถึง การเคลื่อนไหว
ไม่ว่าจะมาจาก พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศรัย ไม่ว่าจะมาจาก นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ไม่ว่าจะมาจาก พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ
ในแต่ละจังหวะก้าว
หากท่านเหล่านี้”ไม่นิ่ง” แล้วสื่อจะ”นิ่ง”ได้อย่างไร
กล่าวสำหรับสถานการณ์นับแต่ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ยื่นใบลาออกเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นมา
กรณี พล.ร.อ.ณรงค์ พัฒนาศรัย อาจปกติ
กรณี นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ อาจปกติ
แต่กรณีของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ที่กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ ถือว่าไม่ปกติอย่างแน่นอน
ท่านรองนายกฯ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ย่อม”รู้สึก”
อย่างน้อยก็เคยเป็น “รองนายกฯ”มาแล้วในรัฐบาลของพรรค ไทยรักไทย ย่อมรู้ว่าการปรากฏขึ้นของขบวนกระเช้าดอกไม้ 3 ระ ลอกติดต่อกันย่อมไม่ธรรมดา
ไม่ธรรมดาทั้งด้านของ “ขบวน” และไม่ธรรมดาทั้งด้านของท่าน “รัฐมนตรี”
ความจริงทุกอย่างน่าจะ“นิ่ง”ได้พลันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน แล้ว
แต่เมื่อทุกอย่างกลับยิ่ง”กระเพื่อม”
กระเพื่อมไม่เพียงที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หากแต่ยัง กระเพื่อมไปถึงกระทรวงคมนาคม
ไล่เป็นลูกระนาดไปยัง ศึกษาธิการ พลังงาน
จึงแทนที่จะมองมายัง “สื่อ” ว่าทำไมไม่อยู่ในอาการพับเพียบ เรียบร้อย หากจำเป็นต้องชายตาชำเลืองไปยังภายในตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลไม่ดีกว่าหรือ
ห้ามเพลิงไว้อย่าให้มีควัน ห้ามสุริยแสงจันทร์ ส่องหล้า
