วันที่ 18 พฤศจิกายน 2560 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายปรีชา ไตรศักดิ์ศรี อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/4 หมู่ 9 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยนายปรีชากล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า ตนเองได้ทำสัญญาเช่าที่ประกอบกิจการบ่อเลี้ยงปลาจำนวนกว่า 50 ไร่ ตั้งอยู่เลขที่ 50/6 หมู่ 6 ต.บึงชำอ้อ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ซึ่งประกอบกิจการมาตั้งแต่ปี 2555 จนหมดสัญญาเช่า ตนจึงได้ต่อสัญญาเช่าในปี 2558 จนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน ปรากฏว่ามีบริษัทแห่งหนึ่งนำประกาศมาติด อ้างเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว ห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาภายในที่ดินดังกล่าว พร้อมกับให้ขนย้ายสิ่งของออกไป ซึ่งที่ดินดังกล่าวก่อนที่ตนจะมาเช่าทำบ่อเลี้ยงปลา เจ้าของเดิมใช้ทำธุรกิจบ่อดินิโดยตักดินที่มีความลึกประมาณ 15 เมตรจนดินได้สไลด์ลงไปในพื้นที่ของชาวบ้าน จน อบต.บึงชำอ้อได้สั่งระงับการขุดดิน ต่อมาตนได้เข้ามาเช่าพื้นที่ทำต่อแต่มาทราบภายหลังว่ามีการทำสัญญาเช่าที่ทับซ้อนกันหลายเจ้า โดยให้ตนทำสัญญาเช่าและนำที่ดินดังกล่าวนี้ไปให้ผู้อื่นเช่าอีกทอด ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและครอบครัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากได้ลงทุนเลี้ยงปลาไปกว่า 6 ล้านบาท ยังไม่ได้เก็บผลผลิตก็ต้องมาถูกบุคคลใดก็ไม่รู้มากล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดิน นำประกาศมาติดไม่ให้เข้าดำเนินกิจการต่อ แล้วให้ตนเองขนย้ายสิ่งของออกภายใน 7 วัน ซึ่งใครจะขนย้ายได้ทัน
“ตนได้แจ้งความร้องทุกข์เอาไว้แล้วที่ สภ.หนองเสือ เพื่อขอความเป็นธรรม เพราะตนเองไม่เชื่อว่าผู้ที่นำประกาศมาติดเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าวนี้ แต่มีการแอบอ้างสิทธิมากกว่า อีกทั้งเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปขอคัดสำเนาใบแจ้งความ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองเสือ ไม่ยอมคัดสำเนาใบแจ้งความให้และพยายามบ่ายเบี่ยง จึงมาร้องสื่อมวลชนเพื่อร้องขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ อีกทั้งตนจะรวบรวมเอกสารนำไปร้องกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอความเป็นธรรมต่อไป” นายปรีชากล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามชาวบ้านข้างเคียงที่ดินของนายปรีชานั้น ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าวว่า ไม่ทราบว่าเจ้าของที่ดินคือใคร แต่มีการทำสัญญากันมาแล้วหลายเจ้า ปัจจุบันนี้ทราบเพียงว่าจะมีเจ้าของใหม่มาดำเนินการทำธุรกิจบ่อดินในพื้นที่นี้ต่อ
