“หอค้า”รอชงรองนายกฯสมคิด ดันโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ ล้ออีอีซี สร้างรายได้เข้าพื้นที่

วันที่ 18 พฤศจิกายน ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 35 ซึ่งเป็นการประชุมสมาชิกหอการค้าภาค 5 ภาค ที่จ.สุราษฎร์ธานี นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ได้ฟังแผนของแต่ละจังหวัดและทั้ง 5 ภาคว่าจะมีแผนงานทำอะไรบ้าง โดยโครงการหลักที่จะขับเคลื่อนต่อคือ โครงการ 1 หอการค้าดูแล 1 ท่องเที่ยวชุมชน, 1 หอการค้าดูแลอย่างน้อย 1 สหกรณ์การเกษตร, 1 บริษัท ดูแล 1ชุมชน, โครงการ 1 ไร่ได้ 1 แสน, การสร้างแบรนด์ร่วมกันของหอการค้าไทย เพื่อยกระดับกิจกรรม เช่น งานแสดงสินค้าหอการค้าแฟร์ นอกจากนี้มีแผนงานสำคัญที่จะทำเป็นลำดับแรก ซึ่งสะท้อนมาจากความต้องการในพื้นที่ ได้แก่ โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) ซึ่งล้อแนวคิดมาจากระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดย SEC จะเน้นที่การส่งเสริมการท่องเที่ยวใน 3-4 จังหวัดของภาคใต้ คือ จังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงาน สุราษฎร์ธานี ด้วยการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งบก ทะเล อากาศ ให้มีการเชื่อมโยงได้สะดวก ทั้งท่าเรือ รถไฟ ถนน สนามบิน ให้ทั้ง 3-4 จังหวัดเดินทางไปมาระหว่างกันสะดวก และเชื่อมกับจังหวัดอื่นๆ ของภาคใต้ได้ง่าย รวมถึงมีเป้าหมายจะเชื่อมระบบโครงสร้างพื้นฐานให้ 2 ทะเล คือ อ่าวไทย และอันดามันเดินทางระหว่างกันสะดวกและง่ายขึ้น โครงการนี้ยังอยู่ในขั้นกรอบแนวคิด อยู่ระหว่างคุยรายละเอียดกับสมาชิกหอการค้าไทย คาดจะสรุปเนื้อหาเบื้องต้นเพื่อรายงานนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้ทราบด้วย ซึ่งจะมาร่วมการปิดงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศครั้งนี้ ในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้

นายกลินท์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันได้พูดคุยกับหอการค้าทั้ง 5 ภาค ว่าให้สำรวจและพิจารณาดูว่าจังหวัดไหนมีสนามบินที่แออัดและล้นแล้ว ให้เสนอโครงการสร้างสนามบินแห่งใหม่ในจังหวัดใกล้เคียงที่มีศักยภาพว่าจะมีพื้นที่ไหนบ้าง เช่น สนามบินจังหวัดภูเก็ตแน่นแล้วขยายได้ไหม ในพื้นที่ไหน อาจจะขยายสนามบินไปจังหวัดพังงาหรือไม่ ให้สามารถรองรับการบินระดับระหว่างประเทศด้วย

นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ กล่าวว่า เป้าหมายการจัดงานสัมมนาครั้งนี้ เพื่อระดมความคิดระหว่างภาครัฐและเอกชนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ให้สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และแผนพัฒนเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 รวมถึงเพื่อให้สามารถพัฒนาระดับจังหวัด กลุ่มจังหวัดให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ขณะเดียวกันการยกระดับประเทศไทยให้เติบโตอย่างทั่วถึง จำเป็นที่ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันคิดและทำพร้อมกันสอดคล้องกับธีมงานครั้งนี้ คือ THAITAY with Inclusive Growth หรือเติบโต ทั่วถึง แบบไทยเท่ ซึ่งเป็นการพัฒนาจากสิ่งที่มีอยู่สู่ความยั่งยืน

นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานีนับว่ามีพื้นที่มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของภาคใต้ และมีพื้นที่มากเป็นอันดับ 6 ของประเทศ โดยที่ตั้งจังหวัดสามารถเชื่อมภาคใต้ตอนบนและล่าง เชื่อมอ่าวไทยและอันดามัน และมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายทั้งทางบกและทะเล นับว่าการท่องเที่ยวเป็นฟันเฟืองที่สำคัญสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงเป็นอันดับ 3 ของภาคใต้ เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวจำนวนมากที่ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ มีอาหารหลากหลาย สินค้าโอท็อป มีวัฒนธรรมและประเพณีที่โดดเด่น รวมแล้วสามารถสร้างรายได้ให้จังหวัดประมาณ 7.5 หมื่นล้านบาทต่อปี ส่วนประชาชนในพื้นที่มีรายได้เฉลี่ย 1.8 แสนบาทต่อคนต่อปี อาชีพหลักทำการเกษตร ปลูกพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ไม้ผล อาหารทะเล แหล่งปศุสัตว์เลี้ยงกุ้ง หอยนางรม ความหลากหลายเหล่านี้ทำให้เศรษฐกิจโตเร็ว จึงได้วางยุทธศาสตร์จังหวัด เพิ่มศักยภาพและยกระดับการผลิตภาคเกษตร การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เชื่อมการคมนาคมและโลจิสติกส์ให้จังหวัดเป็นจุดศูนย์กลางเชื่อมภาคใต้ตอนบนและล่าง ขณะเดียวกันหอการค้าจังหวัดฯมีส่วนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นี้ให้เกิดขึ้นจริงด้วย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image