ท่าทีของคสช. ท่าทีของรัฐบาล ที่ไม่ต้องการให้ “ขยาย” กรณีอันเกี่ยวกับการปรับครม.มากเกินไป
เป็นท่าทีที่น่าเห็นใจ
แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะออกมา “สยบ” ข่าวบางข่าวที่เห็นว่าสำคัญ
ไม่ว่าจะเป็นข่าวอันเกี่ยวกับตำแหน่งของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ตลอดจนของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ
ยืนยันว่ายังอยู่ในครม. แต่บางคนอาจเปลี่ยนตำแหน่ง
อาจทำให้ “ข่าวลือ” เงียบลงไป แต่นั่นก็มิได้หมายความว่า ความกังวลอันเนื่องแต่การปรับครม.จะยุติลงโดยสิ้นเชิง
โดยเฉพาะความกังวลของ”ข้าราชการ”
ความกังวลของ “ข้าราชการ” รวมศูนย์อยู่ที่ว่า ใครจะไป ใครจะมาในกระทรวงอันตนสังกัด
เริ่มจาก กระทรวงแรงงาน
จากนั้นก็เป็น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคม
เพราะว่าเป็นกระทรวง”เศรษฐกิจ” และมี”ทหาร”นั่งอยู่ในฐานะเป็น “รัฐมนตรี”
เนื่องจากแนวโน้มการปรับเป็นไปใน 2 แนว
แนวทาง 1 คือ เพิ่มประสิทธิภาพของกระทรวงเศรษฐกิจ แนวทาง 1 คือ ผ่องถ่าย”ทหาร”ออกไป
ผลที่ตามมา คือ เกิดสภาวะ”เกียร์ว่าง”
อย่าไปตำหนิบรรดา”ข้าราชการ”เลย เพราะการไป การมาของผู้บัง คับบัญชามีผลสะเทือนสูงสุด
ระหว่างรอคอยเช่นนี้ “เกียร์ว่าง”จึงเห็นได้ทั่วไป
ไม่ว่าจะเป็นที่กระทรวงแรงงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ ล้วนเป็นเช่นนี้
สาเหตุมาจาก รอคอย”รัฐมนตรี”
จึงยิ่งระยะเวลาในการปรับครม.ทอดยาวออกไปเนิ่นนานเพียงใดย่อมไม่ก่อผลดี เพราะระหว่างการรอคอย”ข่าวลือ”ย่อมปรากฏขึ้นอย่างคึกคัก
การปรับเร็ว จบเร็วจึงมีความจำเป็น