ตำรวจนครพนมเดินหน้าสอบขบวนการรับผิดแทน – ชาวบ้านโผล่แจ้งความ ‘ครูจอมทรัพย์’ เพิ่ม

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีคดีดังประวัติศาสตร์ คือคดีครูจอมทรัพย์ หรือนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 55 ปี อดีตข้าราชการครู ที่เคยตกเป็นจำเลยในคดีขับรถชนคนตาย เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2548 เหตุเกิดบริเวณถนน บ้านสร้างเม็ก – มุ่งหน้าไปยัง อ.เรณูนคร จ.นครพนม ทำให้ นายเหลือ พ่อบำรุง อายุ 75 ปี ที่ขับรถจักรยาน เสียชีวิต แต่คนขับรถยนต์ได้ขับรถหลบหนี ภายหลังครูจอมทรัพย์ ถูกดำเนินคดี เนื่องจากตำรวจมีการสืบสวน จากพยานหลักฐาน ทราบว่า รถยนต์คันที่ชนคือ รถยนต์ กระบะโตโยต้า ทะเบียน บค 56 สกลนคร ทำให้ครูจอมทรัพย์ตกเป็นผู้ต้องหา และมีการสอบสวนดำเนินคดี มาต่อเนื่อง

โดยทางด้านครูจอมทรัพย์ ได้ปฏิเสธ ข้อกล่าวหา ในชั้นพนักงานสอบสวน แต่ตำรวจยืนยันมีพยานหลักฐานชัดเจน ว่าเป็นผู้กระทำผิด ในข้อหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 รวมถึง ฐานไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรและไม่ไปแสดงตัวแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หลังตำรวจรวบรวมหลักฐาน ทำสำนวนส่งอัยการ ส่งฟ้องศาลจังหวัดนครพนม ต่อมาเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2549 ศาลชั้นต้น คือ ศาลจังหวัดนครพนม ได้มีการพิพากษาตัดสิน ให้ ครูจอมทรัพย์ จำคุก 3 ปี 2 เดือน จากนั้นครูจอมทรัพย์ได้ยื่นอุทธรณ์ มีคำพิพากษายกฟ้อง เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2552 แต่สุดท้าย เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2556 ศาลฎีกาพิพากษา ยืนตามศาลชั้นต้น ทำให้ ครูจอมทรัพย์ ต้องถูกจำคุก และต้นสังกัดให้ออกจากตำแหน่งข้าราชการครู

แต่หลังติดคุก 1 ปี 6 เดือน ได้รับการอภัยโทษออกมา เมื่อปี 2558 จึงได้มีการร้องทุกข์ต่อกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอรื้อคดี ตาม พ.ร.บ.คดีอาญา การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ.2526 และศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้น คือ ศาลจังหวัดนครพนม พิจารณารื้อคดี เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2560 โดยมีกำหนดนัดสืบพยานเมื่อวันที่ 8 -10 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา สุดท้ายศาลจังหวัดนครพนม ไดนัดอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 ผลคำพิพากษา คือ ยกคำร้องของครูจอมทรัพย์ ยืนตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้น และศาลฎีกาเดิม หมายถึง ครูจอมทรัพย์ ไม่ได้เป็นแพะ ตามคำร้อง ซึ่งมีเนื้อหาสาระสำคัญ คือ พยานหลักฐานที่นำมาเบิกความต่อศาล ในการรื้อฟื้นคดี ไม่น่าเชื่อถือ แต่ไม่ต้องกลับไปรับโทษในคดีนี้อีก เพราะพ้นโทษมาแล้ว

ล่าสุด พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิติตกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ได้สั่งการให้ คณะทำงานเกี่ยวกับการคลี่คลายคดีครูจอมทรัพย์ หลังศาลมีคำพิพากษา เพื่อดำเนินคดีกับ กลุ่มขบวนการที่มีหลักฐานว่า เป็นการสร้างพยานเท็จ หรือมีขบวนการรับจ้างทำผิดแทน เบื้องต้นได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.อดิศักดิ์ พลศรีหาราช ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน สภ.นาโดน ในช่วงขณะเกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ สัมฤทธิ์สกุลชัย เข้าแจ้งความเอาผิดกับพนักงานสอบสวน 3 โรงพัก ที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนดำเนินคดี มี สภ.นาโดน สภ.เรณูนคร อ.เรณูนคร และ สภ.เมืองนครพนม กล่าวหาดำเนินคดี กับ นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของครูจอมทรัพย์ ที่เคยนำพยานหลักฐานสำคัญ มายืนยันต่อพนักงานสอบสวน ว่าครูจอมทรัพย์ไม่ได้ กระทำผิด หลังครูจอมทรัพย์พ้นโทษออกมา เมื่อปี 2556 ก่อนมีการร้องกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอรื้อฟื้นคดี รวมไปถึง นายสับ ว่าปี ที่อ้างว่าเป็นคนขับรถตัวจริง ซึ่งมีการแจ้งความเอาผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานความผิด แจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน รวม 3 มาตรา มี 137 – 172 -173 ส่วนคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รอการสอบสวนขยายผล หากมีส่วนเกี่ยวข้อง จะถูกดำเดินคดีทั้งหมด ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะต้องออกหมายเรียก มาสอบสวน ตามขั้นตอน

Advertisement

ส่วนเนื้อหาสาระสำคัญ คือ ทางตำรวจพบพิรุธจากหลักฐาน ในการเข้าแจ้งความ รวมถึงลงประจำวัน ที่มาให้การตำรวจ ที่ สภ.เรณูนคร ของนายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2556 ว่า นายเสริฐ รูปสะอาด เป็นคนขับรถ ตัวจริง ไม่ใช่ครูจอมทรัพย์ จึงต้องการมาลงบันทึก เพื่อนำไปเป็นพยานหลักฐานช่วยครูจอมทรัพย์ ก่อนเงียบหายไป จนกระทั่งต่อมา เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2557 นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง ได้นำ นายสับ วาปี ไปแจ้งความลงประจำวัน ที่ สภ.นาโดน ท้องที่เกิดเหตุ เพื่อให้ดำเนินคดี ยืนยันว่า เป็นคนขับรถตัวจริง ทำให้มีคนขับรถถึง 2 คน ถือเป็นข้อพิรุธสำคัญ ที่จะได้เป็นหลักฐาน รวมถึงสำนวนคำให้การที่ศาลจังหวัดนครพนม ในการเบิกความต่อศาล ช่วงการพิจารณาไต่สอนรื้อฟื้นคดี ทั้งหมดทางตำรวจเชื่อว่า นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง จะเป็นกุญแจสำคัญที่เชื่อมโยงเอาผิดขบวนการ รับจ้างทำผิดแทนครูจอมทรัพย์ และจะได้สอบสวนขยายผลต่อไป ในส่วนที่เหลือ หากพยานคนไหน ที่มีการให้การไม่สอดคล้องกัน เมื่อเทียบกับเอกสารหลักฐานของตำรวจ เมื่อเทียบกับคำให้การของศาล จะได้ตรวจสอบดำเนินคดีทั้งหมดว่ามีเจตนาให้การเท็จหรือไม่

นอกจากนี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา ได้มี นายสุดใจ นายสุดใจ คำชามา อายุ 64 ปีอยู่บ้านเลขที่ 597 /5 ถนนประชาอุทิศ ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร อาชีพทำไร่ทำนา ได้ลงทุนขับรถยนต์มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.(หญิง) จุฬารัตน์ อาจภิรมย์ รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม เพื่อให้ดำเนินคดีกับนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร วัย 55 ปี พร้อมพวก โดยระบุว่า หลังศาลจังหวัดนครพนม ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในกรณีที่นางจอมทรัพย์ ได้ร้องขอรื้อฟื้นคดี แต่ศาลยกคำร้อง ตนในฐานะประชาชนคนไทย รับไม่ได้ ถือว่านางจอมทรัพย์พร้อมพวกทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย และทำให้ข้าราชการตำรวจได้รับความเสื่อมเสีย ถูกดูหมิ่นเหยียดหยามจากประชาชนทั่วไปที่เข้าใจผิด อีกทั้งยังต้องการอยากจะให้มีการปฏิรูปวงการตำรวจด้วย และต้องการให้ดำเนินคดีกับการกระทำของครูจอมทรัพย์พร้อมพวก ตามฐานความผิดที่เกี่ยวข้องจนกว่าคดีจะถึงที่สุดต่อไป เบื้องต้นทางตำรวจได้รับแจ้งความลงบันทึกประจำวัน เพื่อรวบรวมหลักฐาน ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image