ไม่น่าเชื่อว่าวิศวกรซึ่งยังชีวิตอยู่กับปิโตรเลียมและแท่นเจาะ จะมีงานวิชาการทางสังคมและปรัชญาความคิดออกมาสม่ำเสมอ และมากมายเสียยิ่งกว่านักวิชาการอาชีพเสียด้วยซ้ำ พิพัฒน์ พสุธารชาติ เจ้าของงาน ‘รัฐศาสนา’ (2545) ‘ความจริงในภาพวาด’ (2553) ‘กลิ่นอาย การเมือง และภาพยนตร์’ (2558) ซึ่งเขียนและแปลร่วมกับ อรรถสิทธิ์ สิทธิดำรง และนวนิยาย ‘ปลายทางที่ infinity’ (2544)
ความสนใจกว้างขวางทางสังคม ความคิดของผู้คน อันเป็นรากวัฒนธรรม ของวิศวกรนักเขียนนามนี้ ได้นำเข้าไปสู่งานจำหลักสำคัญชิ้นหนึ่งของ นิธิ เอียวศรีวงศ์ ผู้ได้การยอมรับระดับที่มีคำเอ่ยว่า นักประวัติศาสตร์ร่วมสมัยล้วนเดินออกมาจากเสื้อคลุมของอาจารย์นิธิ งานจำหลักชิ้นนั้น ‘ปากไก่และใบเรือ’ ถูกนำมารื้อสร้าง วิพากษ์วิจารณ์อย่างทุ่มเท เพื่อขยายต่อไปสู่ความคิดใหม่ๆ จากความเห็นที่ชวนถกเถียง กระตุ้นแง่คิด ที่ทำให้หนังสือ ‘คราสและควินิน’ เล่มนี้ สร้างประสบการณ์การอ่านอย่างมีรสชาติ ชนิดคอหนังสือ คอประวัติศาสตร์ คอสังคมและการเมือง ล้วนพลาดไม่ได้ทีเดียวเชียว
๐ รัฐบาลที่ไม่ปล้นคนจนจงเจริญ ‘ฟอนตามาร่า’ (2476) นิยายเสียดสีล้อเลียนรัฐบาลทหารฟาสซิสท์มุสโสลินี ที่กลายเป็นนิยายคลาสสิคของโลกไปแล้ว แต่เราส่วนใหญ่เพิ่งได้อ่านกัน เมื่ออาจารย์ พรภิรมณ์ เอี่ยมธรรม กับ วิทยากร เชียงกูล ช่วยกันแปลและเรียบเรียงออกมาในปี 2523 และเป็นโอกาสดีของนักอ่านเมื่องานของ อิกนาซิโอ ซิโลเน่ ชิ้นนี้ถูกตีพิมพ์เป็นครั้งที่ 3
ที่สำคัญ มีคำวิจารณ์ของ ลีออน ทรอทสกี้ (เสียชีวิต 2483) นักทฤษฎีสังคมและนักปฏิวัติชาวรัสเซีย ผู้มีบทบาทโดดเด่นร่วมกับเลนินในการปฏิวัติรัสเซีย และเป็นผู้จัดตั้งกองทัพแดงต่อสู้พวกปฏิปักษ์ปฏิวัติ ก่อนจะถูกสตาลินคู่แข่งรังควานจนต้องลี้ภัยออกไปถูกฆ่าตายนอกประเทศ
หนังสือเล่มนี้แพร่หลายอย่างรวดเร็ว ตีพิมพ์อย่างน้อยหนึ่งล้านห้าแสนเล่ม ใน 27 ภาษา หาอ่านกันอย่างมากช่วงสงครามกลางเมืองสเปนทั้งฟาสซิสท์และฝ่ายหัวก้าวหน้า แม้ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 กองกำลังสัมพันธมิตรที่กำลังต่อสู้กับฟาสซิสท์และนาซีก็สนับสนุนการพิมพ์และแปลงานชิ้นนี้
นักเลงหนังสือกับนักอ่านซึ่งมีหัวใจปฏิวัติทุกรูปนามจึงพลาดงานชิ้นนี้ไม่ได้
๐ หนังสือต้องอ่านอีกเล่ม ‘ศาลรัฐประหาร’ ความรู้และความเห็นเรื่องตุลาการ ระบอบเผด็จการ และนิติรัฐประหารของอาจารย์ ปิยบุตร แสงกนกกุล ซึ่งจะคืนความเป็นการเมืองแก่กฎหมาย เปลี่ยนสนามกฎหมายซึ่งถูกทำให้เชื่อว่ามีความเป็นกลาง เป็นอิสระ มีความสมเหตุสมผล และเป็นเรื่องของกฎเกณฑ์แบบภาววิสัย ให้เป็นสนามต่อสู้ทางการเมืองที่ไม่อนุญาตให้ผูกขาดอยู่แต่ในมือของนักกฎหมาย กับคนสวมครุยบนบัลลังก์อีกต่อไป ดังนั้น เราซึ่งรักความเป็นธรรมทั้งหลาย จึงควรอ่านและศึกษาความรู้ความเห็นจากหนังสือเล่มนี้ เพื่อเป็นกำลังให้อำนาจศาลและตุลาการเข้มแข็งด้วยความยุติธรรมอย่างแท้จริง
๐ อ่านเอาเรื่องมาสามเล่มแล้ว กว่าจะย่อยอาจเป็นสัปดาห์ ไหนๆก็ไหนๆ เอาปกแข็งงามงดของอาจารย์ ไชยันต์ รัชชกูล ไปอีกเล่ม ช่วยย่อยแทนขมิ้นชันหรืออีโน หรือเผลอๆกึ๋นอาจจะอืดขึ้นอีกก็ไม่รู้ ‘อาณานิคมสมบูรณาญาสิทธิราชย์’ การก่อรูปรัฐไทยสมัยใหม่จากศักดินานิยมสู่ทุนนิยมรอบนอก อ่านเพลิน อ่านเจ็บ เป็นหนังสือที่เหมาะกับยุคสมัยก่อร่างสร้างตัวสร้างอนาคตดีแท้
อาจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ เขียนคำนำเสนอ ให้ได้มองตัวเอง ทบทวนตัวเอง ทบทวนความรู้ ทบทวนความคิด มิใช่เชื่อหรือฟังตามกันมาแบบไสยศาสตร์ฮาร์ดคอร์
เขาว่าคนไทยเป็นนักวิพากษ์วิจารณ์ตัวยง ให้อยู่ข้างซ้ายก็วิจารณ์ขวาได้เผ็ดร้อน พอจับเปลี่ยนมาอยู่ข้างขวาก็วิจารณ์ซ้ายได้อุตลุตทันที เสียอยู่อย่าง ไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองเลย (แม้แต่คิด)
๐ ๒๕๐ ปีเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ ได้คิดอะไรใหม่ๆกว่าเดิมบ้าง ลองศึกษาอดีตดูอีกรอบดีไหม พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล ปกแข็งกะทัดรัด แต่เดิมเรียกว่าพระราชพงศาวดารฉบับสองเล่ม ชำระในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโดยสมเด็จพระพนรัตน์วัดพระเชตุพน บางแห่งจึงเรียกว่าฉบับพระพนรัตน์ด้วย
ที่เรียกว่าฉบับหมอบรัดเลก็เพราะเป็นผู้นำมาพิมพ์และออกจำหน่ายเป็นครั้งแรกในปี ๒๔๐๗ ถือเป็นการพิมพ์พระราชพงศาวดารเป็นครั้งแรก ลองอ่านใหม่ด้วยสายตาและความคิดของคนพ.ศ.นี้ดู
เพียง ๕ เล่มสัปดาห์นี้ ก็คงนอนหลามให้กึ๋นค่อยๆย่อยไปได้เกือบเดือน.
บรรณาลักษณ์