ปลูกชมพู่สายพันธุ์สตรอเบอรี่ไร้เมล็ด ผลยักษ์ทรงระฆังคว่ำ ขายส่งออนไลน์สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน นายเจษฎา มณีรัตน์ เจ้าของสวนเกษตรคุณลี หมู่ที่ 2 บ้านดงชะพลู ต.คลองคะเชนทร์ อ.เมืองพิจิตร เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เป็นชาวนา ปรากฏว่าทำนาแล้วราคาข้าวตกต่ำ จึงได้พลิกผันตัวเอง มา เป็นเกษตรกรชาวนา โดยได้นำกิ่งพันธุ์ชมพู่สายพันธุ์สตรอเบอรี่ ซึ่งเป็นสายพันธุ์จากประเทศไต้หวันมาทดปลูก โดยการนำกิ่งพันธุ์ชมพู่พันธุ์สตรอเบอรี่มาปลูกในสวนจำนวน 1 แปลง รวม 100 ต้น โดยทำการยกร่องดินให้สูงทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือนเพื่อฆ่าเชื้อโรค และแมลงในดิน และจากนั้นขุดหลุมพอประมาณ กว้าง 50 คุณ 50 และลึก 30 เซนติเมตร นำกิ่งตอนมาปลูกห่างกันระหว่างแถว 4 คูณ 6 เมตรใส่ปุ๋ยคอก รดน้ำวันละหนึ่งครั้ง ให้พื้นดินชุ่มเปียกสม่ำเสมอ ใส่ปุ๋ยคอก หมั่นดูแลแมลงศรัตรูต้นชมพู่ ตัดกิ่งให้เป็นพุ่ม จากนั้นในปีแรกผลผลิตจะเริ่มออกช่อดอก หลังจากนั้นได้ 15 วันผลจะเริ่มถอดหมวก หรือระยะถอดเกษตร ซึ่งในแต่ละช่อจะมีผลชมพู่ประมาณ 7-10 ผลต่อช่อ

จากนั้นจะทำการเลือกตัดผลที่ไม่สมบูรณ์ทิ้ง เหลือไว้แต่ผลที่สมบูรณ์เท่านั้น ช่อละ 3-5 ผล เพื่อให้แต่ละช่อมีผลที่มีคุณภาพ และจากนั้นนำถุงพลาสติกมาคลุมที่ผลไว้ ให้พอดีเพื่อป้องกันหนอนและแมลงมาไชชอนกัดกินผลจากนั้น อีกประมาณ 45 วันผลชมพู่พันธุ์สตรอเบอรี่จะแก่จัดมีผลสีแดงเข้มไร้เมล็ด สามารถเก็บมารับประทานได้

สำหรับชมพู่ดังกล่าวจะมีรสชาติที่หวานกรอบ ผลใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 7 เซนติเมตร มีน้ำหนักมากเพียง 3-5 ผล ต่อ 1 กิโลกรัม โดยจะอกผลหนึ่งปี 2 ครั้งในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน และในช่วงปลายเดือนมีนาคม-เมษายน ขายในท้องตลาดราคากิโลกรัมละ 200 บาท การเก็บผลผลิตในปีแรกเฉลี่ยต้นละประมาณ 30 กิโลกรัม ส่วนในปีที่ 2-3 ชมพู่จะออกผลมากสุดเฉลี่ยต้นละ 50-60 กิโลกรัม ซึ่งนอกจากจะขายในตลาดภายในชุมชนแล้ว ยังเปิดขายทางออนไลน์พร้อมส่งอีกด้วย อย่างไรก็ตามชมพู่สายพันธุ์สตรอเบอรี่เพื่อการค้านั้นจะเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศเท่านั้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image