วันนี้ (19 พ.ย.) ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวปรับ ครม. ที่ออกมา โดยระบุว่ากระแสข่าวดังกล่าว สะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำระบบกงสี มาใช้ในการปรับ ครม. ซึ่งไม่ถูกต้องเพราะจะทำให้บ้านเมืองเสียหาย ทั้งนี้ แม้แต่ในกิจการขนาดเล็กๆ เจ้าของกิจการยังต้องเลิกใช้ระบบกงสีแล้วหันมาบริหารแบบมืออาชีพ ไม่ใช่ยึดผลประโยชน์ของครอบครัวหรือพวกพ้องเป็นหลัก เพราะอาจทำให้ธุรกิจเจ๊งหรือไปไม่รอด แล้วนี่เป็นเรื่องของบ้านเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จะปรับ ครม. โดยใช้ระบบกงสีได้อย่างไร เพราะเท่ากับท่านส่งเสริมค่านิยมการวิ่งเต้นและการเล่นพรรคเล่นพวก ซึ่งอาจทำให้เยาวชนรุ่นใหม่หมดกำลังใจในการหาความรู้และพัฒนาตนเอง เพราะเห็นตัวอย่างที่ไม่ดี จากการที่บุคคลในรัฐบาลสามารถก้าวหน้ากันได้เพราะมีเส้นสาย โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับงาน และถึงแม้จะบริหารประเทศล้มเหลว หรือถูกโจมตีว่าใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินสิ้นเปลืองโดยไม่เกิดประโยชน์ ก็ไม่เห็นจะโดนลงโทษและไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง เพราะเป็นพวกเดียวกัน และต้องร่วมมือกันสืบทอดอำนาจ เพราะพลั้งปากพูดไปแล้วว่าจะปล่อยให้เลือกตั้งปีหน้า หากคราวนี้เบี้ยวเลือกตั้งไม่ได้ ก็ต้องใช้บริการรัฐมนตรีที่ชาวบ้านร้องยี้เหล่านี้ ให้ช่วยวางกลไกสกัดกั้นพรรคเพื่อไทย และช่วยสร้างฐานเสียงให้ พล.อ.ประยุทธ์ล่วงหน้า โดยการใช้เงินภาษีของประชาชนไปแจกชาวบ้านในโครงการประชานิยมต่างๆ ซึ่งเป็นการโปรยเงินแบบสิ้นคิด แต่ไม่ได้แก้ปัญหาความยากจนแบบยั่งยืน
“นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีสิทธิห้ามใครวิจารณ์เรื่องการปรับ ครม. โดยเฉพาะนักข่าว เพราะสื่อมวลชน มีหน้าที่นำข้อมูลข่าวสารมาถ่ายทอดให้ประชาชนรับทราบ ส่วนนายกฯ ก็มีหน้าที่ต้องชี้แจงเหตุผลในการตัดสินใจเชิงนโยบายสาธารณะ ซึ่งต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไม่ใช่ทำเป็นเรื่อง งุบๆ งิบๆ ให้รู้กันเฉพาะในหมู่คนกันเอง อย่าทำเหมือนประชาชนกำลังซอกแซก หรืออยากรู้อยากเห็นเรื่องของรัฐบาลมากเกินไป เพราะนี่คือข้ออ้างของพวกเผด็จการที่กลัวถูกตรวจสอบ แต่กระสันอยากมีอำนาจต่อไปนานๆ โดยไม่สนว่าบ้านเมืองจะล่มจมอย่างไร” ร.ท.หญิงสุณิสาระบุ
