| ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
|---|
ทําไมทุกรัฐบาลล้วนเผชิญกับการปรับ ครม.ด้วยความไม่สุกงอม ไม่ว่ารัฐบาลที่มาจาก “การเลือกตั้ง” ไม่ว่ารัฐบาลที่มาจาก “การรัฐประหาร”
คำตอบ 1 เพราะเท่ากับสะท้อน “ปัญหา”
หากไม่มีปัญหาดำรงอยู่ก็คงไม่มีความจำเป็นต้องปรับ หรือถึงอ้างว่าไม่มีปัญหาแต่เมื่อปรับกระบวนการในการปรับก็สะท้อนออกมาว่ามีปัญหา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปรับในแบบ “ปรับใหญ่”
คำตอบ 1 เพราะเท่ากับการเลือกในการปรับ ครม.โดยเฉพาะ “ปรับใหญ่” ได้ก่อให้เกิดปัญหา “ใหม่” ตามมา
แทนที่จะแก้ไขกลับกลายเป็น “ขยาย” ปัญหา
แทนที่ความหงุดหงิดจะมีแต่เฉพาะคนที่ยื่นใบลาออก หากทำท่าว่าความหงุดหงิดกำลังกลายเป็นโรคระบาดอย่างใหม่
กระทั่งจำเป็นต้องมี “ม็อบ” ออกมาปลอบประโลม
ไม่ว่าการปรับเมื่อเดือนสิงหาคม 2558 ไม่ว่าการปรับที่จะปรากฏให้เห็นภายในเดือนธันวาคม 2560 ล้วนกระทำบนพื้นฐานของการยืนยัน
ไม่มีปัญหา ไม่มีความขัดแย้ง
แต่ภายหลังการปรับเมื่อเดือนสิงหาคม 2558 ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีที่ถูกปรับออกก็ออกมาสรุปสั้นๆ ว่า
“แบ่งแยกแล้วปกครอง”
เช่นเดียวกับการยื่นใบลาออกของ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล จากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
แม้จะมีการให้เหตุผลจาก ครม.ว่า เป็นเรื่องส่วนตัว ต้องการลาออกไปทำธุรกิจ
แต่ความเป็นจริงก็เด่นชัดว่า เนื่องแต่ “มาตรา 44”
และในที่สุด การปรับ ครม.ในเดือนธันวาคม 2560 ก็เดินตามรอยเดียวกันกับการปรับ ครม.เมื่อเดือนสิงหาคม 2558
นั่นก็คือ เนื่องแต่ปัญหา “ภายใน”
คําว่าปัญหาภายในนั้นเองที่ทำให้จำเป็นต้องปรับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล และคณะออกไปในเดือนสิงหาคม 2558
เพราะมีแรงกดดันในเรื่อง “เศรษฐกิจ”
เมื่อมาถึงการปรับ ครม.ในเดือนธันวาคม 2560 สภาพก็เริ่มแผ่แบออกมาเด่นชัดเป็นลำดับว่าเหตุผลของการปรับเป็นไปในกระสวนเดียวกัน
เพราะมีแรงกดดันในเรื่อง “เศรษฐกิจ”
หากมิใช่เรื่องในทางเศรษฐกิจ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล และทีมงานคงไม่ตัดสินใจยื่นใบลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
และหากมิใช่เรื่องในทางเศรษฐกิจ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ คงไม่ถูกลดเกรดจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน อันถือว่าเป็นกระทรวงเศรษฐกิจแต่มีความสำคัญน้อยกว่า
ไม่ว่าการออกจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ จะเป็นจริงหรือไม่อย่างไร แต่นี่คือปมใหม่ที่จะตามมา
เป็นปม “ภายใน” คสช. เป็นปม “ภายใน” ครม.
ตราบใดที่ยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งและให้รัฐมนตรีออกจากตำแหน่งประกาศออกมา การวิพากษ์วิจารณ์ก็ยังดำรงอยู่
ดำรงอยู่พร้อมกันไปกับกระแส “ข่าวลือ”
เหมือนกับพลันที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯประกาศออกมาจะเป็นการยุติปัญหา และทุกอย่างจะเข้าสู่ระบบและความเรียบร้อย
อาจใช่, แต่ก็ยังมีปัญหา “ใหม่” รออยู่อยู่นั่นเอง
