ในมติชนสุดสัปดาห์ฉบับล่าสุด มีรายงานพิเศษ ซึ่ง พิชญ์เดช แสงแก่นเพ็ชร์ ไปพูดคุยกับ “บิ๊กบัง-พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน” อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร และอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง ในประเด็นว่าด้วยการตั้ง “พรรคทหาร”
“มีคนหลายคนคิดเรื่องของการจัดตั้งพรรค (ทหาร) แต่ผมในฐานะที่เป็นทหารด้วยและผ่านสนามการเมืองมาพอสมควร เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีและเข้าไปเป็น ส.ส. ในสภาบอกได้เลยว่า ‘ไม่ง่าย’
“การที่ทหารจะจัดตั้งพรรคแล้วเข้าไปเล่นการเมืองต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ปัจจัยแรก คือเรื่องของ ‘คน’ ที่จะเข้ามาสู่พรรคทหาร ผมยังมองไม่เห็น
“ปัจจัยที่สอง คือเรื่องของ ‘เงินทุน’ ที่ต้องใช้ ผมก็มองไม่เห็นว่าทหารคนไหนที่มีพลังอำนาจทางการเงินหรือจัดการตรงนี้ได้
“ปัจจัยสุดท้ายคือ ‘หลักการบริหาร’ กิจการภายในสภาผู้แทนราษฎรเป็นเรื่องที่ยากที่สุด ทหารเองมีประสบการณ์ในสภาน้อยมาก
“ทุกวันนี้ที่ทหารดูแลสภา ที่ไม่ค่อยมีปัญหาเพราะว่าเป็นระบบของทหาร แต่พอเข้าไปสู่ระบบการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งจะเป็นเรื่องที่ ไหนจะมีทั้งฝ่ายค้าน ไหนจะมีขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมาย งบประมาณต่างๆ ทุกเรื่องยากและซับซ้อนมาก ฉะนั้น การตั้งพรรคทหารเพื่อเสนอตัวเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ ความรู้สึกส่วนตัวของผมคือเป็นงานยาก”
นี่คือคำเตือนแรกๆ ของ “บิ๊กบัง” ที่ปรากฏในรายงานชิ้นนั้น
นอกจากนี้ “พล.อ.สนธิ” ยังเตือน คสช. ถึงความเหนื่อยยากและอีกหลากหลายปัญหาที่จะตามมา หากแนวคิดสร้าง “พรรคทหาร” เกิดขึ้นจริง
โดยเฉพาะปัญหาที่มีความเกี่ยวพันกับ “ประชาชน” และ “ผู้แทนของประชาชน”
อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหารที่เคยลงเล่นการเมืองในระบบเลือกตั้ง ย้ำว่า ตามธรรมชาติของระบอบประชาธิปไตย “ประชาชน” นั้นมีสองกลุ่ม คือ กลุ่มที่อยากจะให้ทหารอยู่ในอำนาจต่อไป และกลุ่มที่ไม่ชอบทหาร ซึ่งมีความรู้สึกอยากเปลี่ยนรัฐบาล
นี่คือ ปัจจัยใหญ่ข้อแรก ที่ คสช. หรือ กองทัพ ไม่มีทางควบคุมจัดการได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
อีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญ ถ้ามีการตั้ง “พรรคทหาร” ลงเลือกตั้งจริงๆ ตามความคิดของ “บิ๊กบัง” ก็คือ สุดท้าย ผู้นำทหารที่แปรสภาพไปเป็น “นักการเมือง” จะต้องแยกบทบาทของตัวเองออกจากกองทัพให้ได้
ถ้าอดีตผู้นำกองทัพมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง แล้วแยกสองบทบาทเหล่านี้ออกจากกันไม่เด็ดขาด พล.อ.สนธิเชื่อว่า จะเกิดความวุ่นวายตามมา ด้วยกลไกของระบอบประชาธิปไตย
กล่าวคือ ฝ่ายค้านจะไม่เห็นด้วย มีการปลุกระดมผู้คน จนก่อให้เกิดความขัดแย้งระลอกใหม่
โจทย์สำคัญจึงอยู่ที่ว่า หลังเลือกตั้ง บิ๊ก คสช. จะ “ตั้งสติใหม่” หรือเปลี่ยนบทบาทใหม่ ได้หรือไม่?
อย่างไรก็ดี “พล.อ.สนธิ” ยังมีแนวคิดบางประการที่ค่อนข้างสอดคล้องกับ คสช.
อย่างน้อยในช่วงท้ายๆ ของรายงาน “บิ๊กบัง” ก็แสดงความไม่เชื่อมั่นต่อ “นักการเมือง” ออกมาหลายหน
“นักการเมือง” ในสายตาของอดีตหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ เป็นกลุ่มคนที่มี “อิทธิฤทธิ์เยอะ” จนจะสามารถดัดแปลงแก้ไขตัดต่อ “กรอบ-กติกา” ที่ คสช. วางเอาไว้ได้แน่ๆ
ยิ่งกว่านั้น “พล.อ.สนธิ” เชื่อว่า “พฤติกรรมแปลกๆ” ของ “นักการเมือง” ยังอาจนำไปสู่การต่อต้านของประชาชนและการเกิดรัฐประหารอีกครั้ง
นี่คือคำเตือนที่ส่งถึง คสช. จาก “ทหารเก่า” นายหนึ่ง ซึ่งมีมุมมองที่เป็นทั้ง “คนนอก” และ “คนใน” ไปพร้อมๆ กัน
……………
ปราปต์ บุนปาน
