เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ศาลแขวงพระนครใต้ ถนนเจริญกรุง 72/1 พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องด้วยวาจา นายศุภวัฒน์ ทรัพย์อัมพร อายุ 31 ปี จำเลยในความผิดฐานยักยอกทรัพย์
คำฟ้องสรุปว่า จำเลยเป็นผู้จัดการส่วนตัวของนายพีระพัฒน์ เถรว่อง อายุ 45 ปี ผู้เสียหาย เป็นนักร้อง มอบหมายให้จำเลยจัดการหางานรับเงินต่างๆ ตามที่ผู้เสียหายรับงานแสดงตามที่ต่างๆ และส่งมอบให้แก่ผู้เสียหาย เมื่อระหว่างวันที่ 29 กันยายน ถึงวันที่ 17 พฤศจิกายน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด ผู้จัดหางานได้ว่าจ้างให้ผู้เสียหายไปแสดงดนตรีในพื้นที่ต่างๆ เช่น หาดใหญ่ จ.สงขลา และกรุงเทพฯ ผู้เสียหายไปแสดงตามปกติ โดยจำเลยได้รับเงินค่าจ้างจากการแสดงของลูกค้าของผู้เสียหายเป็นเงินทั้งสิ้น 938, 800บาท มาไว้ในความครอบครองของจำเลย แล้วจำเลยมีหน้าที่นำเงินของผู้เสียหายที่จำเลยรับไว้ในความครอบครองดังกล่าวส่งมอบให้แก่ผู้เสียหายตามหน้าที่ แต่จำเลยกลับไม่นำส่งมอบให้ผู้เสียหายตามหน้าที่ และในวันเวลาดังกล่าวจำเลยได้บังอาจเบียดบังเอาเงินดังกล่าวของผู้เสียหายไปใช้ประโยชน์ของตนโดยทุจริต อันเป็นการกระทำความผิด ฐานยักยอกทรัพย์ เหตุเกิดที่แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
ต่อมาวันที่ 20 พฤศจิกายน หลังเกิดเหตุจำเลยเข้าพบพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาให้จำเลยทราบชั้นสอบสวน จำเลยให้การรับสารภาพ จำเลยถูกคุมตัวตลอดมาได้ส่งตัวจำเลยมาศาลฟ้องฟ้องนี้แล้ว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาฉบับที่ 26 พ.ศ.2560 มาตรา 4 และขอให้จำเลยคืนเงินให้หรือใช้เงินเป็นจำนวน 938,800 บาทแก่ผู้เสียหาย
ต่อมาเวลา 15.00 น. ศาลมีคำพิพากษาว่า จำเลยทำผิดตามฟ้อง มาตรา 352 ให้จำคุก 2 ปี รับสารภาพลดกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา และให้จำเลยชดใช้เงิน 938,800 บาท
กระทั่งเวลา 16.00 น. ญาติของนายศุภวัฒน์ ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ โดยศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวตีราคาประกัน 1.5 แสนบาท
ภายหลังศาลให้ประกันตัวแล้ว เวลา 16.25 น. นายศุภวัฒน์เดินทางกลับทันที โดยนำเสื้อสีดำคลุมศีรษะไว้ ก่อนจะขึ้นรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีอาร์วี สีน้ำเงินเทา กลับไปทันที ขณะที่ญาติระบุเพียงว่า คดีเป็นคำสัมภาษณ์ของบี พีระพัฒน์ จะชดใช้เงินต่อไป
