นพ.จรัส สุวรรณเวลา ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) เปิดเผยกรณีที่คณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พิจารณารูปแบบโรงเรียนของรัฐในอนาคต ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาในรูปแบบโรงเรียนนิติบุคคล หรือ Public School ว่า Public School ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของโรงเรียนนิติบุคคล เป็นการทดลองนำร่องให้อิสระโรงเรียนในการบริหารจัดการ โดยให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนการจัดการศึกษา ซึ่งจะเริ่มเพียง 77 แห่ง และคงไม่ใช้รูปแบบเดียวกันทั้งประเทศ ความเป็นโรงเรียนนิติบุคคลที่ กอปศ.กำลังจะเสนอรูปแบบนั้น เป็นการบริหารจัดการในภาพรวมทั้งหมดกว่า 3 หมื่นโรงเรียนทั่วประเทศ โดยยึดหลักการให้การกำกับ และความอิสระมีความสมดุล สามารถบริหารจัดการความหลากหลายได้ เพราะถ้าปล่อยให้อิสระเลย จะยิ่งเละ ประชาชนจะเดือดร้อน คุณภาพจะไม่เกิด
นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะโฆษก กปอศ.กล่าวว่า กอปศ.ยังไม่ได้สรุปว่าโรงเรียนนิติบุคคลจะเป็นไปในทิศทางใด เท่าที่พูดคุย อาจมีหลายรูปแบบ เช่น ให้อิสระโรงเรียนในการบริหารในรูปแบบนิติบุคคล 100% โดยกรณีนี้จะเหมาะสำหรับโรงเรียนที่มีความพร้อม โรงเรียนมีความเป็นนิติบุคคลในบางส่วน เช่น เป็นนิติบุคคลเฉพาะหลักสูตร การเรียนการสอน ส่วนงบประมาณ บุคลากรขึ้นอยู่กับต้นสังกัด เป็นต้น ส่วนการให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมบริหารจัดการ เช่นเดียวกับแนวทางที่คณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปฯ จะดำเนินการนั้น กอปศ.ยังคิดไปไม่ถึงขั้นนั้น แต่อาจจะวางแนวทางเพื่อเสนอต่อไป
“อย่างไรก็ตาม ความเป็นนิติบุคคลของโรงเรียน กปอศ.มีหลักการสำคัญ คือจะไม่มีการบังคับ ความเป็นนิติบุคคลต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ ที่สำคัญจะต้องมีหลักเกณฑ์การบริหารจัดการที่เหมาะสมกับโรงเรียนแต่ละรูปแบบ เพื่อการันตีว่าถ้าเป็นนิติบุคคลแล้ว จะทำให้พัฒนาการจัดการศึกษาไปในทิศทางที่ดีขึ้น ไม่ใช่ตัดเสื้อโหลใช้หลักเกณฑ์เดียวกับโรงเรียนทุกรูปแบบ” นพ.เฉลิมชัย กล่าว
นพ.เฉลิมชัยกล่าวอีกว่า สิ่งที่ กอปศ.เสนอเป็นการปฏิรูปการศึกษาแนวดิ่ง เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ ส่วนเรื่องใดที่รัฐบาลเห็นว่าสำคัญ และดำเนินการได้ในระยะเวลาอันใกล้ ก็ทำได้ก่อน โดยไม่ต้องรอข้อเสนอจากทาง กอปศ.คาดว่าเดือนธันวาคนี้จะได้โมเดล หรือรูปแบบโรงเรียนนิติบุคคลที่ชัดเจน ซึ่งจะมีทั้งความเป็นนิติบุคค สำหรับโรงเรียนที่มีความพร้อม และความเป็นนิติบุคคลสำหรับโรงเรียนที่ด้อยโอกาส
