นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการเงิน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในงานพบนักลงทุนว่า อีก 6 เดือนข้างหน้าโครงการต่างๆ จะมีความคืบหน้ามากขึ้น หลังจากเปิดสถานีส่วนขยายสำโรง ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้แล้ว สำหรับความคืบหน้าของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) คาดว่าจะให้บริการทั้งเส้นทางได้ในปี 2561 ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-คูคต) คาดว่าจะเปิดให้บริการสถานีลาดพร้าว บริเวณศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ก่อนในเดือนมีนาคม 2562 หลังจากนั้นจะให้บริการทั้งเส้นทางได้ในปี 2563 และโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง จะเริ่มก่อสร้างในเดือนมกราคม 2561 และคาดว่าจะเปิดให้บริการทั้ง 2 สายได้ในเดือนเมษายน 2564
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจระบบขนส่งมวลชนยังเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าว่าจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 2-6% โดยในวันลอยกระทงที่ผ่านมา มีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสูงสุดในรอบ 3 ปี ประมาณ 9.15 แสนเที่ยวคน/วัน มากกว่าสถิติเดิมที่มีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสูงสุดประมาณ 7.5 แสนเที่ยวคน/วัน ส่วนธุรกิจสื่อในปีหน้าคาดว่าจะคึกคักขึ้น จากช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่ค่อนข้างซบเซา
ในส่วนผลประกอบการในไตรมาส 2/2560 ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 อยู่ที่ 2,542.8 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 47.6% จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ทั้งในกลุ่มระบบขนส่งมวลชน ธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจอื่นๆ โดยตั้งเป้าใน 3-5 ปีหลังจากนี้ บริษัทจะเติบโต 25-30% ต่อปี ภายหลังที่มีการปรับโครงสร้างใหม่ โดยโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์ไปอยู่ในความดูแลของบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือยู โดยบริษัทบีทีเอสฯถือหุ้นยู 35.64% ซึ่งจะทำให้มีกำไรกลับเข้ามา 2,000 ล้านบาท และเงินสดจากการโอนโครงการเข้ามา 7,000-9,000 ล้านบาท ในเดือนมีนาคม 2561
สำหรับการประกาศปรับอัตราค่าโดยสารที่เรียกเก็บสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสีเขียวสายหลัก ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 คาดว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้จากการปรับค่าโดยสารเพิ่มขึ้น 2% แม้ว่าจำนวนผู้โดยสารอาจจะต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย จากช่วงวันหยุดที่เพิ่มขึ้น
