คณะกรรมการอิสระฯเร่งออกกฎหมายลูก 2 ฉบับหลังครม.เห็นชอบพ.ร.บ.กองทุนฯ ใช้ 3 หมื่นล้านแก้เหลื่อมล้ำ

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา ในฐานะประธานอนุกรรมการกองทุน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อเร็วๆ นี้ มีมติเห็นชอบตามคณะกรรมการอิสระฯ เสนอร่างพ.ร.บ.กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ…. ขั้นตอนจากนี้จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นเรื่องเร่งด่วน ก่อนเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ต่อไป  การจัดทำกฎหมายดังกล่าวเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดคือ ต้องมีผลบังคับใช้ภายใน 1 ปี หลังรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มีผลบังคับใช้คาดว่า จะสามารถประกาศใช้พ.ร.บ.กองทุนฯ ได้ภายในเดือนเมษายน 2561 ทั้งนี้กองทุนฯ นี้จะมีสถานะเป็นนิติบุคคล ที่มีเป้าหมายที่กองทุนฯ ต้องดำเนินการอย่างน้อง 3 เรื่องหลักคือ 1.จัดทำฐานข้อมูล สถานะความเหลื่อมล้ำ ในการเข้าสู่การศึกษาของไทย โดยข้อมูลเหล่านี้ควรมีการเปิดเผยสู่สาธารณะ มีความน่าเชื่อถือ สามารถวิเคราะห์ชี้เป้า วางยุทธศาสตร์ที่ดี ในการลดปัญหาความเหลื่อล้ำได้ 2.เสริมพลังในแง่ทรัพยากร เช่นให้การสนับสนุนเม็ดเงินให้องค์กรที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหา และ3.กองทุนฯ ควรจะต้องมีกลไกการประเมินผลที่ดี ให้ประชาชนรับรู้ เข้าใจถึงผลการดำเนินงาน

นายประสาร กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องสร้างความเข้าใจ คือ กองทุนฯ นี้ไม่ได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาความยากจน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาอย่างมหาศาล กองทุนฯ นี้งบฯ ประมาณหมุนเวียนประมาณ 2-3 หมื่นล้านต่อปี ซึ่งถือว่าไม่น้อย คิดเป็นเงิน 5% ของงบที่ใช้ในการจัดการศึกษา ซึ่งมาจากหลายหน่วยงาน ทั้งกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) หรือหน่วยงานที่มีงบฯ ด้านการศึกษา ดังนั้นจึงต้องทำงานให้เกิดผลใน 3 เรื่องหลักข้างต้น เพื่อให้แต่ละหน่วยงานเกิดความมั่นใจ โดยทำงานอย่างมีข้อมูล ยุทธศาสตร์ ไม่ใช่ทำงานแบบขี้เกียจ ได้เงินมาแล้วเฉลี่ยให้ทุกคน อาจทำให้การดำเนินการได้ผลน้อย

“พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ย้ำให้การทำงานของกองทุนฯ ไม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น โดยอนุกรรมการฯจะยกร่างหลักเกณฑ์หรือระเบียบกองทุนฯ 2 ฉบับ ซึ่งจะกำหนดเป้าหมาย ว่า กองทุนฯ ช่วยใคร และจะช่วยอย่างไร  ทั้งนี้ กองทุนฯอาจเป็นหน่วยประสาน ชี้เป้าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงาน โดยไม่จำเป็นต้องทำเองทุกเรื่อง “นายประสารกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.กองทุนฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา เสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครู อาจารย์ ประกอบด้วยเงินและทรัพย์สินได้แก่ เงินที่รัฐจัดสรรให้เป็นทุนประเดิม 1,000 ล้านบาท เงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้เป็นรายปี ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของเงินงบประมาณแผ่นดินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา และเงินรายได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ทั้งนี้ ตามอัตราที่ครม.กำหนด เป็นต้น โดยเงินและทรัพย์สินของกองทุนไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ผู้เสียภาษีเงินได้มีสิทธิแสดงเจตนาให้รัฐนำเงินที่ตนได้เสียภาษีไว้ไปอุดหนุนกองทุนได้ปีละไม่เกิน 5,000 บาท และผู้บริจาคเงินให้แก่กองทุนมีสิทธินำจำนวนเงินที่บริจาคไปหักเป็นค่าลดหย่อนหรือรายจ่ายเพื่อการบริจาคตามที่กำหนดในประมวลรัษฎากรได้เป็นจำนวน 2 เท่าของจำนวนเงินบริจาค ในอัตราไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 500,000 บาทสำหรับบุคคลธรรมดา และไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image