คลังพร้อมกู้เงินเอดีบีในโครงการก่อสร้างถนน4เลน มูลค่ากว่า6พันล.-เชื่อมขนส่งสินค้าลาว-เวียดนาม

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2560 เห็นชอบการเงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ทางหลวงหมายเลข 22 ช่วงอำเภอหนองหาน-อำเภอพังโคน ทางหลวงหมายเลข 22 ช่วงสกลนคร-นครพนม (กิโลเมตรที่ 180-213) และทางหลวงหมายเลข 23 ช่วงร้อยเอ็ด-ยโสธร เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนให้แก่กรมทางหลวงดำเนินโครงการ ร่วมกับเงินงบประมาณ วงเงินรวม 6,808 ล้านบาท ในสัดส่วน 50:50

ทั้งนี้ ครม.มีมติเห็นชอบร่างสัญญาเงินกู้โครงการ และอนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยจากเอดีบี โดยมีเงื่อนไขร่างสัญญาเงินกู้โครงการ คือ กรอบวงเงิน 99.40 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบเท่ากับ 3,404 ล้านบาท มีอายุเงินกู้ 13 ปี รวมระยะเวลาปลอดหนี้ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 6MLIBOR + Spread – Rebate ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2560 6MLIBOR เท่ากับ 1.63% ต่อปี Spread เท่ากับ 0.50% ต่อปี Rebate เท่ากับ 0.05% ต่อปี) หรือกว่า 2% ถือว่าถูกกว่าการกู้เงินในประเทศช่วงนี้ โดยมีค่าธรรมเนียมผูกพันเงินกู้ 0.15% ต่อปี กำหนดเบิกจ่ายเงินกู้ในคราวเดียวทั้งจำนวน โดยจะดำเนินการแลกเปลี่ยนเงินกู้จากสกุลเงินเหรียญสหรัฐเป็นเงินบาท และดำเนินการบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ย

น.ส.กุลยากล่าวว่า กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกจ่ายเงินกู้ ให้แก่ผู้รับจ้างก่อสร้าง และที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างตามความก้าวหน้าและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงของโครงการต่อไป โดยกระทรวงการคลัง กรมทางหลวง และเอดีบีจะร่วมกันติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการ และตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินกู้ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และครบถ้วนตามมาตรฐานการเบิกจ่ายของเอดีบี

ทั้งนี้ในส่วนของแผนดำเนินโครงการ ซึ่งมีกำหนดการเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนกรกฎาคม 2561 และมีระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 4.5 ปี โดยเมื่อกรมทางหลวงดำเนินโครงการแล้วเสร็จจะเป็นการพัฒนาโครงข่ายถนนสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงอาเซียน ในส่วนที่ผ่านประเทศไทย เพื่อให้สามารถเดินทางและขนส่งสินค้าเชื่อมโยงไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รวมทั้งสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก ที่คาดว่าจะมีปริมาณจราจรเพิ่มสูงขึ้นจากการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งสอดคล้องตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) ในด้านการพัฒนาด้านการขนส่งและโลจิสติกส์เชื่อมโยงกับเพื่อนบ้าน

Advertisement

“กระทรวงการคลังคาดว่าการลงนามในสัญญาเงินกู้กับเอดีบีสำหรับโครงการจะมีขึ้นประมาณเดือนพฤษภาคม 2561 คาดว่าโครงการดังกล่าวเริ่มก่อสร้างในเดือนกรกฎาคม 2561 ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปีครึ่ง กำหนดแล้วเสร็จในปี 2565 โดยในระยะแรกกู้เงินจากเอดีบีไปแล้ว 77 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อก่อสร้างช่วงพิษณุโลก-หล่มสัก และพนมสารคาม-สระแก้ว” น.ส.กุลยากล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image