นักดำน้ำไทย-เทศ ตื่นตาฉลามวาฬ โผล่จุดดำน้ำเรือช้าง(มีคลิป)

แฟ้มภาพ

นายสุธารักษ์ สุนทรวิภาต ผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษหมู่เกาะช้างและพื้นที่เชื่อมโยง จ.ตราด เปิดเผยว่า ภายหลังองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยังยืน(อพท.1)ได้สนับสนุนงบประมาณ 5,500,000 บาท ในการนำเรือรบหลวงช้าง เรือรบสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ที่กองทัพเรือปลดประจำการและมอบให้จังหวัดตราด เพื่อให้เป็นอาศัยของสัตว์น้ำแหล่งดำน้ำแห่งใหม่ของจังหวัด และเป็นจุดดำน้ำที่เป็นเรือรบที่ใหญ่สุดในประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2555 จากนั้นเปลี่ยนชื่อเป็นเรือช้าง นำมาจมที่ท้องทะเลตราด ส่งผลให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยเราชาวต่างชาติ ที่ชอบการดำน้ำ เดินทางมามาสัมผัสการดำน้ำแห่งใหม่ของจังหวัดตราด นอกเหนือจากเกาะรัง ซึ่งสถิติในช่วงไฮซีซั่นตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนเมษายนของทุกปี จะมีนักดำน้ำเดินทางมาดำน้ำดูเรือช้างเพิ่มปีละ 20%
“จากการเก็บสถิติครั้งล่าสุดเดือนตุลาคม 2559 -ตุลาคม 2560 ปรากฏว่ามีนักดำน้ำเฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 50 คนสูงสุดอาจถึง 100 คนต่อวัน เบื้องต้น ประมาณการรายได้ไม่ต่ำกว่า 36 ล้านบาท ยังไม่รวมธุรกิจต่อเนื่อง ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการจมเรือช้างเมื่อ 5 ปีก่อน นอกจากธุรกิจดำน้ำแล้วยังส่งผลดีต่อสัตว์น้ำประเภทต่างๆเช่นเต่าทะเลและฉลามวาฬ” นายสุธารักษ์ กล่าว
นายคริสเทล โกลสเทน เจ้าของธุรกิจดำน้ำ บีบีไดเวอร์ เปิดเผยว่า หลังจากการจมเรือหลวงช้าง ส่งผลดีต่อธุรกิจดำน้ำเป็นอย่างมาก มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศสนใจเดินทางมาดำน้ำบริเวณเรือช้างอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเข้าปีที่ 3 ของการจมเรือ เริ่มมีสัตว์น้ำหลายชนิดว่ายเวียนบริเวณเรือช้างเพิ่มมากขึ้น รวมถึงเต่าทะเลและฉลามวาฬ อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน แต่มาปรากฎตัวให้นักดำน้ำเห็นอย่างต่อเนื่อง สร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักดำน้ำเป็นอย่างมาก
“ต้องขอบคุณอพท. และจังหวัดตราดที่นำเรือช้างมาจม เพื่อทำเป็นแหล่งดำน้ำแห่งใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งดำน้ำที่มีความสำคัญของจังหวัดตราดอีกแห่ง และเป็นจุดดำน้ำเรือรบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แม้สภาพใต้ท้องทะเลหรือพันธุ์สัตว์น้ำที่พบเห็นจะน้อยกว่าและไม่สวยเท่ากับภาคใต้ก็ตาม” นายคริสเทล กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image