การหลั่งน้ำตา ร่ำไห้ ของ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นสิ่งที่เข้าใจได้
นางกอบกาญจน์ วัฒนาวรางกูร อธิบายเอง
“เพราะน้องเป็นคนอ่อนไหวง่าย เป็น EMOTIONAL”
ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ก็มีรัฐมนตรีบางคน ที่มาจาก “นักการเมือง” ก็เคย “ร่ำไห้” มาแล้ว
เพียงแต่มิได้ต่อหน้า “นักข่าว”
หากแต่เป็นการร่ำไห้อย่างชนิดสะอึกสะอื้นต่อหน้า”มวลชน”ที่มาให้กำลังใจเพราะรู้ว่าถูก “ปลด”ออกจากตำแหน่ง
เป็นที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่ใช่การท่องเที่ยว
สถานการณ์”ปรับครม.”จึงเป็นเรื่องใหญ่ และส่งผลสะเทือนในทาง EMOTIONAL อย่างลึกซึ้ง
สำหรับคนที่ติดตามผลสะเทือนจากข่าว”ปรับครม.”ย่อมสัมผัสได้ในการสำแดงออกของแต่ละคน
บางท่านก็ทำเงียบ-เงียบ
อย่างเช่นการเก็บเข้าของส่วนตัวของ “รองนายกรัฐมนตรี”และ “รัฐมนตรี”บางคน
นั่นก็คือ การส่ง”สัญญาณ”ไปแน่
อย่างเช่น การเอ่ยเป็นนัยๆเหมือนกับ “รัฐมนตรี” บางคนระหว่างการปราศรัยหรือปาฐกถาพิเศษ
ทำนองเป็น”ครั้งสุดท้าย”
อย่างเช่น การเดินออกมารับ”ดอกไม้” เมื่อมีมวลชนขออนุญาติเข้ามาแสดงความเห็นใจและปกป้องจนถึงกระทรวง
และบางท่านก็”หลั่งน้ำตา” ร่ำไห้
ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีที่มาจาก”การเลือกตั้ง” ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีที่มาจาก”การรัฐประหาร”
แทบไม่มีความแตกต่างกัน
สะท้อนให้เห็นว่า “อำนาจ” เป็นสิ่งหอมหวาน ขณะเดียวกัน ในความหอมหวานนั้นก็มี “สารเสพติด”ใครได้ยึดครองแล้วก็มักจะอาวรณ์ อาลัย
คนโบราณสอนว่า ยิ่งคนที่ยืนยันว่า ไม่ยึดติด คนๆนั้นก็มักจะอาลัย อาวรณ์อย่างเป็นพิเศษ กระทั่งแทบไม่อยากจะลุกไปจากตำแหน่ง
“คำพูด”จึงมักได้รับการยืนยันผ่าน”การแสดงออก”เสมอ