นายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยกรณีกลุ่มพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ (ทปอ.มรภ.) และที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (ทปอ.มทร.) หารือสำนักงบประมาณ กรณีจัดสรรงบฯ เพื่อเลื่อนเงินเดือนให้กับพนักงานในสถาบันอุดศึกษา ประจำปีงบฯ 2560 ในอัตราร้อยละ 4 ส่วนข้าราชการ ร้อยละ 6 โดยขอให้กำหนดวงเงินการเลื่อนขั้นเงินเดือนพนักงานในสถาบันอุดมศึกษาเท่ากับข้าราชการ ว่า ต้องดูรายละเอียดวิธีการคำนวณตัวเลขการปรับเพิ่มเงินเดือนของสำนักงบประมาณ เช่น อาจคำนวณในฐานที่ว่าพนักงานมหาวิทยาลัยมีเงินเดือนมากกว่าข้าราชการ การปรับเพิ่ม 4% อาจเท่ากับ 6% ของข้าราชการ ตนยินดีหารือสำนักงบประมาณ ส่วนผลจะออกมาอย่างไร เป็นอำนาจของสำนักงบประมาณ ไปก้าวล่วงไม่ได้
น.ท.สุมิตร สุวรรณ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ คณะศึกษาศาสตร์และพัฒนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) กล่าวว่า ขณะนี้มหาวิทยาลัยอยู่ระหว่างจัดทำงบฯ ปี 2562 จึงอยากให้ทุกแห่งยืนยันงบฯ เลื่อนขั้นเงินเดือนอยู่ที่ 6% เท่าข้าราชการ เท่าที่พูดคุยส่วนใหญ่เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว ส่วนที่ สกอ.ยินดีเป็นตัวกลางพูดคุยกับสำนักงบประมาณ ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะหากปล่อยไป ในอนาคตจะเป็นภาระด้านงบฯ กับมหาวิทยาลัยมาก อีกทั้ง ส่งผลต่อคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเล็กๆ ที่มีงบฯ ไม่พอเพิ่มเงินเดือนให้พนักงาน
“ที่มหาวิทยาลัยออกนอกระบบ และเปิดโอกาสให้ข้าราชการในสถาบันอุดมศึกษาบางส่วนเปลี่ยนสถานะได้ แม้จะได้เงินเดือนมากกว่า แต่สวัสดิการต่างๆ ไม่เท่ากับข้าราชการ การปรับเปลี่ยนสถานะอยู่ภายใต้ข้อแม้ที่ว่าหากรัฐบาลปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ใดให้แก่ข้าราชการ พนักงานมหาวิทยาลัยควรมีสิทธิได้รับด้วย ดังนั้น หากสำนักงบประมาณอนุมัติการเลื่อนขั้นเงินเดือนเพียง 4% ก็ไม่ต่างกับหลอกให้ข้าราชการเปลี่ยนสถานะ เพื่อลดภาระงบฯ ในอนาคต อยากให้สำนักงบประมาณคิดถึงระยะยาว เพราะแม้จะขึ้นเงินเดือนเท่ากัน แต่เมื่อพนักงานมหาวิทยาลัยซึ่งมีเป็นแสนคนทั่วประเทศ อายุ 60 ปี รัฐไม่ต้องจ่ายเงินสวัสดิการ บำเหน็จบำนาญเหมือนข้าราชการ ไม่ต้องเป็นภาระงบฯ ในอนาคต” น.ท.สุมิตร กล่าว
