หากศึกษา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านเพจ”ไทยคู่ฟ้า”ในกรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา
ก็พอจะมองเห็นลักษณะ “ยืดหยุ่น”
”รัฐบาลยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องการสร้าง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และจะพิจารณาอย่างรอบคอบ”
กระนั้น หากมองผ่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็จะเห็นในอีกด้าน
”เราไม่ได้กล่าวหาเรื่องเดินขบวน แต่เราใช้กฎหมายความผิดซึ่งหน้า ขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อไม่ได้ใช้กฎ หมายเรื่องชุมนุมแล้ว UNOHCHR จะมาเอาอะไร”
สะท้อนท่าทีแบบ ลับ ลวง พราง
หากดูจากที่คสช.และรัฐบาลมอบหมายให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.เข้ามารับผิดชอบ
กระสวนในแบบ”ธรรมกาย”ก็เด่นชัด
ที่มีข่าวว่าอาจขยายการออก”หมายเรียก”จากภาพในกล้องวงจรปิด
จำนวนไม่ต่ำกว่าร้อย
ขณะเดียวกัน หากฟังจาก นายดิเรก เหมนคร แกนนำเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน
”การที่จะออกหมายจับชาวบ้านเพิ่มอีกร้อยคนน่าจะเป็นการออกหมายจับแบบเหวี่ยงแห ชาวบ้านพร้อมที่จะเดินหน้าและคงจะไม่รอให้มีการออกหมายจับก่อน
”แต่อาจจะเดินทางไปมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเลยโดยจะเดินทางไปกันทั้งหมด”
เท่ากับตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่หวั่นเกรง
กรณีการเคลื่อนไหวของ”เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน” กำลังเป็นหินลองทองคมแหลม
สะท้อนลักษณะที่เรียกว่า Social Movement
ไม่เพียงแต่ “ทดสอบ” ชาวบ้านด้วยกันว่าจะยืนหยัดอย่างคง ทน เหนียวแน่น หรือไม่เพียงใดหากยัง “ทดสอบ” คสช.และรัฐบาล
ที่สำคัญเป็นอย่างมากยังเป็นการทดสอบในห้วงของการประ กาศ”สิทธิมนุษยชน”เป็น”วาระแห่งชาติ”