Murder on the Orient Express หนังงานสร้างอลังการว่าด้วยยอดนักสืบ “ปัวโรต์”

Murder on the Orient Express หนังงานสร้างอลังการว่าด้วยยอดนักสืบ "ปัวโรต์"

Murder on the Orient Express หนังงานสร้างอลังการว่าด้วยยอดนักสืบ “ปัวโรต์”

หนังรีเมกมักจะเสียเปรียบหนังทั่วๆ ไป เพราะคนดูจะเกิดความรู้สึกเปรียบเทียบว่าจะดีสู้ครั้งก่อนได้หรือไม่ แถม Murder on the Orient Express (1974) ก็เป็นหนังที่เข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 6 สาขา ได้มาหนึ่งสาขา คือ อิงกริด เบิร์กแมน ได้รางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม

แม้หนังรีเมกฉบับใหม่จะขนทัพนักแสดงทั้งระดับได้รางวัลออสการ์และได้เข้าชิงออสการ์มาแน่นขนัด รุ่นเก่า เช่น จอห์นนี่ เดปป์ มิเชลล์ ไฟเฟอร์ จูดี้ เดนช์ วิลเลม เดโฟ เพเนโลเป้ ครูซ

และรุ่นใหม่ เช่น เดซีย์ ริดลีย์ (นางเอก Star Wars: The Force Awakens) จอช แกด (Beauty and the Beast) ลูซี่ บอยน์ตัน (Sing Street) แต่ภาคเก่าก็มีดาราดังยุคนั้นไม่แพ้กัน เช่น ฌอน คอนเนอรี อิงกริด เบอร์แมน แอนโทนี เพอร์กินส์ ไมเคิล ยอร์ค ริชาร์ด วิดมาร์ค และ วาเนสซ่า เรดเกรฟ เป็นต้น

นี่เป็นความท้าทายที่ เคนเนธ บรานาห์ ซึ่งเป็นทั้งผู้กำกับ และแสดงเป็นตัว แอร์กูล ปัวโรต์ จะต้องฝ่าด่านการเปรียบเทียบนี้ให้ได้

Advertisement

บรานาห์เองเป็นผู้กำกับที่ไม่ธรรมดา เขาเคยได้รับการเสนอชื่อชิงอคาเดมีอวอร์ดถึง 5 สาขา (นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ขนาดสั้นยอดเยี่ยม)

ทั้งเคยได้รับพระราชทานยศอัศวินจากคุณูปการที่เขามีต่อแวดวงละคร จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง

Murder on the Orient Express สร้างจากนิยายของ “ราชินีนิยายอาชญากรรม” อกาธา คริสตี้ ที่นักอ่านหนังสือทุกคนต้องรู้จัก นิยายสืบสวนที่เธอแต่งถือเป็นวรรณกรรมขึ้นหิ้งระดับโลก ที่ถูกบันทึกโดย Guinness World Records ว่า มียอดขายสูงสุดในโลกประมาณสองพันล้านเล่ม

หนังเล่าเรื่องผู้โดยสาร 13 คน ที่ออกเดินทางจากอิสตันบูลโดยรถไฟสุดหรูไปยังเมืองท่าของฝรั่งเศส

แรทเชทท์ (จอห์นนี เดปป์) นักธุรกิจนักเลง ซึ่งรู้ภายหลังว่าเกี่ยวข้องกับคดีลักพาตัวและฆ่าปิดปากเด็กอย่างเหี้ยมโหดถูกสังหาร รถไฟติดหิมะถล่มแล่นไปไหนไม่ได้ ปัวโรต์ (เคนเนธ บรานาห์) ต้องไขคดีที่เกิดขึ้น ผู้โดยสารทุกคนคือผู้ต้องสงสัย มีอดีต มีความลับ และทุกคนล้วนพูดโกหก

ถึงจะเป็นหนังสืบสวนสอบสวน แต่เป็นคนละแนวกับหนังสืบสวนแบบแจ็ค รีชเชอร์ และ เชอร์ล็อค โฮล์มส์ ปัวโรต์ไขคดีผ่านบทสนทนา ซึ่งคนดูต้องมีสมาธิในการฟังและเก็บรายละเอียดต่างๆ ที่หนังนำเสนอ

คอหนังแอคชั่นผ่านหนังเรื่องนี้ไปได้เลย เพราะเป็นหนังสำหรับคนดูที่ชอบเสพความลึกลับแบบคลาสสิคสไตล์หนังพีเรียด

โปรดักชั่นหนังอลังการมากถึงมากที่สุด ดูเฉพาะงานภาพก็คุ้มแล้ว สวยตั้งแต่ต้นจนจบ อาทิ ฉากรถไฟเคลื่อนท่ามกลางความมืดที่มีจันทร์เต็มดวงลอยอยู่บนท้องฟ้าหรือท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ และภาพตอนจบที่ปัวโรต์แยกจากไป พร้อมกับรถไฟที่เคลื่อนตัวโดยทิ้งภาพอาทิตย์ตกดินไว้เบื้องหลัง

งานภาพที่น่าจะติดตาคนดูอีกฉากหนึ่ง หนีไม่พ้นฉากปัวโรต์ไขคดี ผู้โดยสารทั้งหมดนั่งเรียงกัน ในลักษณะเดียวกันกับจิตรกรรมฝาผนัง The Last Supper ที่บรรยายให้เห็นปฏิกิริยาของแต่ละอัครสาวก เมื่อพระเยซูทำนายว่า หนึ่งในผู้ร่วมโต๊ะอาหารมื้อนี้จะทรยศพระองค์

ยอมรับว่าหนังภาคนี้อาจมี “ความคม” บางอย่างที่สู้ภาคปี 1974 ที่ ซิดนีย์ ลูเมท กำกับไม่ได้ แต่โปรดักชั่นละเอียด ประณีต ตั้งแต่การเนรมิตรถด่วนสุดหรูที่คนดูไม่รู้สึกเลยว่า แท้จริงเป็นการถ่ายทำในสตูดิโอไม่ใช่รถไฟที่กำลังแล่นจริง เครื่องแต่งกายสมจริงสมยุค ทั้งเนี้ยบ เฉียบ เข้ากับบรรยากาศในรถไฟ

แม้ดาราดังจะมากันเพียบ แต่ที่น่าจดจำหนีไม่พ้น เคนเนธ บรานาห์ ซึ่งน่าจะเป็นปัวโรต์ที่หล่อที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพราะไม่อ้วนและเตี้ย เอกลักษณ์ของปัวโรต์คือหนวด ซึ่งภาคนี้ก็ออกแบบอย่างเวอร์วังอลังการ เป็นลักษณะหนวดที่ดูๆ ไปนึกถึงหนวดของตัวเอกหนังไทยเรื่องขุนพันธ์

บรานาห์แสดงได้อย่างมีมิติ หนังเรื่องนี้ตัวเอกคือปัวโรต์ ซึ่งบรานาห์ “เอาอยู่” กับบทบาทนี้ ทั้งในฐานะผู้กำกับและแสดงนำ

“เขาโยนบอลหลายลูกในอากาศพร้อมกันได้อย่างน่าทึ่ง สามารถแสดงบทบาท จากนั้นถอยหลังออกมามองดูตัวเองอย่างเป็นกลาง”

ส่วนดาราคนอื่นก็เกลี่ยบทกันไป ใช้คุ้มบ้าง ไม่คุ้มบ้าง แต่งานสร้างที่ยิ่งใหญ่ของหนังเรื่องนี้ ก็มีเสน่ห์พอจะกลบจุดอ่อนบางประการ และทำให้นักดูหนังยังอยากติดตามการสืบสวนคดีของปัวโรต์ในภาคต่อ Death on the Nile ที่มีการประกาศว่าจะสร้าง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image