เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดพญาเสือ นายสิขกพงษ์ กระแจะจันทร์ หัวหน้าเขตห้าล่าสัตว์ป่าอุทยานสมเด็จพระศรีนครินทร์ นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม นายอาภรชัย อวยพรชัยรัตน์ หัวหน้าสายตรวจฯ สบอ.3 บ้านโป่ง นายยุทธพงษ์ ดำศรีสุข ผช.หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ พ.ต.ท.รัชพล กิตติคุณชนก สว.กก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี ชุด ศปทส.ภาค 7 นายกฤติ มังกะโรทัย ปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ร้อย รส.ร.29 เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย เข้าตรวจสอบวัดเมตตาธรรมโพธิญาณ หมู่ 7 ต.หนองหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ภายหลังจากได้รับการร้องเรียนว่าภายในวัดดังกล่าวมีไม้ท่อน และไม้แปรรูปจำนวนมาก รวมทั้ง การตั้งโรงงานแปรรูปไม้ภายในวัด โดยมี พระเย็น หมง ประธานสงฆ์วัดเมตตาธรรมโพธิญาณ เป็นผู้นำตรวจสอบไม้ทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ผลการตรวจสอบพบไม้ท่อนขนาดใหญ่จำนวนมาก ส่วนหนึ่งเป็นไม้นำเข้าจากต่างประเทศ แต่มีไม้ส่วนหนึ่งไม่มีรอยดวงตราของพนักงานเจ้าหน้าที่ และเป็นไม้ที่กองแยกไว้ต่างหาก รวมถึง พบไม้แปรรูปจำนวนมากเก็บรักษาไว้ในโกดังภายในวัด โดยนำเข้ามาในรูปแบบการอำพรางเป็นเฟอร์นิเจอร์ หรือการสำแดงเท็จ กว่า 1,200 แผ่น และยังพบตู้คอนเทรนเนอร์จำนวนมาก ภายในเก็บไม้แกะสลัก เฟอร์นิเจอร์ และไม้แปรรูปจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังพบเลื่อยโซ่ยนต์ อุปกรณ์แปรรูปไม้ และไม้ชิงชัน อีกจำนวนหนึ่ง และยังพบว่ามีสิ่งปลูกสร้างภายในวัดเพิ่มเติมจากการขออนุญาตเข้าร่วมโครงการส่งเสริมให้วัดช่วยงานด้านป่าไม้อีกด้วย
นายชัยวัฒน์ เปิดเผยว่า พื้นที่บริเวณของวัดส่วนหนึ่งอยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก.และบางส่วนอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่า อุทยานสมเด็จพระศรีนครินทร์ สังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธพืช โดยกรมอุทยานฯ ได้ประกาศให้เป็นพุทธอุทยาน ซึ่งทางวัดแจ้งว่ามีพื้นที่กว่า 200 ไร่ และมีสิ่งปลูกสร้าง 17 รายการ แต่จากการตรวจสอบพบมีสิ่งปลูกสร้างเกินกว่า 17 รายการ สำหรับไม้ท่อน และไม้แปรรูปมีขนาดใหญ่มาก โดยมีลักษณะเป็นการอำพรางทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ผ่านเข้ามาทางด้านด่านชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก รวมทั้ง นำเข้าจากต่างประเทศด้วย จากการตรวจสอบเอกสารที่นำมาแสดง รวมทั้ง ตรวจสอบสภาพของไม้แปรรูป และไม้ท่อนที่อ้างว่านำมาทำเฟอร์นิเจอร์ การทำเฟอร์นิเจอร์จะต้องมีส่วนต่างๆ ประกอบ อาทิ โต๊ะ ขา และพื้นของเฟอร์นิเจอร์ โดยจะต้องถูกขัด และทาด้วยแล็กเกอร์ แต่ปรากฏว่าไม้ทั้งหมดมีลักษณะเปิดหนังหมูของไม้มา ยังไม่มีมีการตกแต่ง ทาสี หรือเคลือบเงามาแต่อย่างใด และจากการประเมินมูลค่าของไม้ทั้งหมด เชื่อว่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท สำหรับไม้ที่พบ เจ้าอาวาสแจ้งว่าเป็นไม้กระบาก ไม้ตะเคียน และบางชนิดเป็นไม้ที่นำเข้าจากต่างประเทศ
“เนื่องจากภายในวัดเมตตาธรรมฯ มีไม้ท่อน และไม้แปรรูปจำนวนมาก รวมถึง ลักษณะการตั้งโรงงานแปรรูปไม้ และมีเครื่องจักรหนักจำนวนมาก อาทิ รถเครน รถแทรกเตอร์ ตู้คอนเทรนเนอร์ เป็นต้น เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดอายัดไม้ดังกล่าว และให้ทางวัดนำเอกสารมาแสดงการได้มาของไม้แต่ละชิ้น เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด และขยายผลที่มาของไม้ดังกล่าว รวมถึง ตรวจสอบการปฏิบัติตามเงื่อนไขโครงการพุทธส่งเสริมพระสงฆ์ช่วยงานด้านป่าไม้ (พุทธอุทยาน) คาดว่าจะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์ เนื่องจากจำนวนไม้แปรรูป และไม้ท่อนมีจำนวนมาก กรณีที่วัดไม่นำเอกสารมาแสดงการได้มาของไม้ หรือชี้แจงไม่ได้ ผู้ครอบครองไม้ดังกล่าวจะมีความผิด คือมีการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ครอบครองเลื่อยโซ่ยนต์โดยไม่ได้รับอนุญาต เบื้องต้นเจ้าอาวาส รับว่าเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ พร้อมแท่นป่าไม้ และไม้ประดู่ชิงชัน เป็นของเจ้าอาวาสเอง เจ้าหน้าที่จึงได้กล่าวหาตามข้อกฎหมายดังกล่าว ขณะนี้ได้ตรวจสอบเบื้องต้น มูลค่าไม้มีนับพันล้านบาท ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบ และขยายผลอย่างละเอียดต่อไป” นายชัยวัฒน์ กล่าว
ด้าน พระภิกษุเย็นหมง กล่าวว่า อาตมาพร้อมที่จะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบไม้อย่างละเอียด ไม่รู้สึกหนักใจ สำหรับไม้ที่ได้มานั้น นำมาจากทาง อ.แม่สอด จ.ตาก รวมทั้ง ด้าน จ.หนองคาย ได้มาอย่างถูกต้อง และไม้ที่มีอยู่นั้น ทางวัดได้ซื้อสะสมเอาไว้มานานหลายสิบปี หวังสร้าง และพัฒนาวัดเพื่อทางพระพุทธศาสนาเท่านั้น
