เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้หารือกับผู้บริหาร ศธ.เกี่ยวกับการบริหารจัดการเงินอุดหนุนรายหัวนักเรียน ซึ่งที่ผ่านมาวิธีการจัดสรรจะรวมค่าสาธารณูปโภคไว้ในเงินอุดหนุนรายหัวด้วย ซึ่งทำให้โรงเรียนต้องใช้วิธีการบริหารจัดการ เช่น บางโรงเรียนได้งบมา 2.4 แสนบาทต่อปี แต่ต้องจ่ายค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำ ค่าไฟ เดือนละ 1.3 แสนบาท เท่ากับเงินอุดหนุนที่ได้มาใช้เพียง 2 เดือนก็หมดแล้ว ส่งผลให้โรงเรียนเกิดปัญหาเรื่องการบริหารจัดการ โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดเล็ก ที่ทำให้พัฒนาได้ยาก ซึ่งถ้าจะยกระดับคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็กก็ต้องปรับวิธีการจัดสรรเงินอุดหนุนรายหัวใหม่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นแนวทางใด แต่เรื่องนี้ต้องดูทั้งระบบไม่ใช่เฉพาะโรงเรียนขนาดเล็กเท่านั้น ทั้งนี้ ต้นทุนการพัฒนาเด็กเราต้องไม่คิดเฉพาะเงินอุดหนุนอย่างเดียว แต่ต้องคิดส่วนอื่นด้วย
นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า การปรับวิธีการจัดสรรเงินอุดหนุนรายหัวนักเรียนนั้น ส่วนตัวคิดว่าจะเสนอให้แยกค่าสาธารณูปโภคออกจากค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ออกจากค่าพัฒนาการศึกษา เพื่อให้สามารถนำเงินนั้นไปใช้เพื่อการพัฒนาเด็กได้อย่างเต็มที่ และให้เงินถึงตัวเด็กจริงๆ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นคาดว่าจะเสนอขอทบทวนวิธีการจัดสรรเงินอุดหนุนรายหัวรูปแบบใหม่ เฉพาะโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนต่ำกว่า 120 คน และโรงเรียนสาขา กระจัดกระจายในที่ต่างๆ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 15,000 โรงเรียนก่อน ส่วนโรงเรียนขนาดใหญ่ให้จัดสรรเงินอุดหนุนรายหัวตามเดิม เพราะไม่ได้รับผลกระทบ โดยจะเสนอเรื่องนี้ให้ที่ประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนเสนอให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ.พิจารณาต่อไป
