อาวุธ สงคราม กลางทุ่งนา”แปดริ้ว” ล็อก”การเมือง”

สถานการณ์ตรวจจับอาวุธสงครามและวัตถุระเบิดที่บึงน้ำกลางทุ่งนา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ปรากฏขึ้นในห้วงที่สำคัญหลายเรื่อง

1 เป็นห้วงที่ คสช.ไม่ยอม “ปลดล็อก”

1 เป็นห้วงที่เกิดภาวะเพลี่ยงพล้ำในทางการเมืองเมื่อปรากฏเสียงตวาดกลางตลาดปลา ปัตตานี ประสานเข้ากับการสลายและจับกุมแกนนำ “เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานี ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน” ที่แยกสำโรง สงขลา

และตามมาด้วยการทำปืนลั่นระหว่างแถลงข่าวกรณีการหายตัวไปของ “แบมุส”

Advertisement

การปรากฏขึ้นของกรณีตรวจจับอาวุธสงครามและวัตถุระเบิดจึงเท่ากับเป็นการปรากฏขึ้นอันสามารถนำไปสู่การขยายผลได้

หากเลือก “ประเด็น” ได้อย่างเหมาะเจาะ

แต่แล้ว ด้วยเวลาและการเคลื่อนไหวของข่าวสารเพียงไม่กี่วัน บทบาทและความหมายของอาวุธสงครามและวัตถุระเบิดก็ละลายหายไปในภูเขาเลากาแห่งข่าวสารอย่างรวดเร็ว

มองผ่าน “สาร” ที่เกิด เมื่อเป็น 1 อาวุธสงคราม และ 1 วัตถุระเบิด ย่อมสามารถ “ขยายผล” ได้เป็นอย่างดีทั้งในทางการเมืองและทางความมั่นคง

แล้วทำไมเรื่องนี้กลับกลายเป็น “ระเบิดด้าน”

หาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.หวนกลับไปประมวลและนำมาวิเคราะห์อย่างจริงจัง

น่าจะมองเห็น “จุดอ่อน” ได้ไม่ยาก

1 กระบวนการในทำนองนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งหลายหน และตัวละครที่นำมาอ้างอิงก็เป็นตัวละครอย่างที่เรียกกันว่า

เป็นคนเดิม หน้าเดิมๆ

อย่าง นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ “โกตี๋” ก็ถือได้ว่าซ้ำมาอย่างหนักตั้งแต่กรณีวัดพระธรรมกาย และยิ่งมีข่าวถูก “อุ้ม” ยิ่งทำให้มนต์ขลังหมดไป

1 การโยงไปยังบางคนอาจทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ

อย่างการโยนจาก นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ ไปยัง พล.ท.มนัส เปาริก อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 และรวมถึง นายจักรภพ เพ็ญแข เป็นต้น

อาจมากด้วย “สีสัน” แต่ก็น่าสงสัย

ปมเงื่อนมิได้อยู่ที่ว่า ตัวตนของ นายจักรภพ เพ็ญแข มีตำแหน่งแแหล่งที่ ณ ที่ใด ก็ไม่แจ่มชัดและจะมาสัมพันธ์กับ พล.ท.มนัส เปาริก และ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ ได้อย่างไร

ก็ยุ่งยากเป็นอย่างมากในการลากโยง

ยิ่งกว่านั้น การตรวจจับอาวุธสงครามและวัตถุระเบิดฝังอยู่กลางทุ่งในท้องนา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ยังเป็นเทศะที่ยากแก่การอธิบาย

ชวนให้นึกถึงการแขวน “อัญมณี” ในกรณี “เพชรซาอุ”

พลันที่ได้รับการปฏิเสธในความสัมพันธ์จาก นายวัฒนา ทรัพย์วิเชียร กระทั่ง นายจักรภพ เพ็ญแข ยิ่งทำให้น้ำหนักความน่าเชื่อถือเจือจาง

ยิ่ง พล.ท.มนัส เปาริก ปรากฏตัว ยิ่งท้าทาย

เพราะในที่สุดแล้วไม่เพียงแต่ได้รับการยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากยังได้รับการประกันตัวทั้งๆ ที่เป็นเรื่องอาวุธสงครามและวัตถุระเบิด

การค่อยๆ สลายจางหายไปของคดีอาวุธสงครามและวัตถุระเบิดกระทั่งไม่มีการเอ่ยถึงความคืบหน้าไม่ว่าจะจากตำรวจ ไม่ว่าจะจากทหาร

ยิ่งทำให้สงสัยในรากฐานความเป็นมา

ยิ่งทำให้ข้ออ้างจากบางส่วนใน คสช.ที่ว่าไม่สามารถ “ปลดล็อก” พรรคการเมืองให้ทำกิจกรรมได้เนื่องจากยังไม่เกิดความสงบเรียบร้อย

เบาจางและเลื่อนลอยในแบบเบาหวิว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image