นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) เปิดเผยว่า กสอ.อยู่ระหว่างปรับแผนการดำเนินงานของหน่วยงานภายใน ให้สอดรับกับการปฏิรูปเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศด้วยรูปแบบที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม พร้อมผลักดันให้ภายในปี 2561 สามารถสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ไทยที่ส่วนใหญ่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตสินค้าเชิงโภคภัณฑ์ ให้ไปสู่การผลิตสินค้าเชิงนวัตกรรมเป็นรูปธรรมอย่างน้อย 3,800 กิจการ พัฒนาบุคลากรในการขับเคลื่อนให้ได้กว่า 15,000 คน และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศให้เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 10,000 ล้านบาท ซึ่งตามเป้าหมายดังกล่าว
นายกอบชัยกล่าวว่า โดยยุทธศาสตร์ของกสอ.หลังจากนี้จะเปลี่ยนบทบาทจากหน่วยงานช่วยเหลือด้านการผลิตมาทำงานครบวงจรตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง เพิ่มการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรในหลายๆ ด้านเพื่อประโยชน์สูงสุดของเอสเอ็มอี นอกจากนี้ยังปรับโครงสร้าง ชื่อองค์กรภายใต้กำกับ พร้อมกำหนดบทบาทหน้าที่เพื่อการให้บริการ การสนับสนุน การส่งเสริมและรองรับธุรกิจอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ ที่มีความเฉพาะทางและเป็นไปอย่างเข้มข้นกว่าเดิม อาทิ กองพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ที่มีภารกิจหลักในการสนับสนุนให้ธุรกิจปรับตัวและปฏิรูปไปสู่ประเทศไทย 4.0 โดยอาศัยนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นกลไกสำคัญ กองยุทธศาสตร์และแผนงาน ซึ่งมีภารกิจในการจัดทำแผนพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีตามยุทธศาสตร์ชาติและกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมเพิ่มขีดความสามารถไปสู่การแข่งขันในระดับสากลให้มากขึ้น กองโลจิสติกส์ ซึ่งแต่เดิมอยู่ภายใต้กำกับกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ทำหน้าที่ในด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของภาคอุตสาหกรรม พร้อมนำเทคโนโลยี นวัตกรรม ระบบบริหารจัดการสมัยใหม่ รวมทั้งบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาช่วยส่งเสริม กองพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ มุ่งส่งเสริมกลุ่มธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยความคิดสร้างสรรค์ อาทิ อุตสาหกรรมแฟชั่นให้มีมูลค่าเพิ่มในเชิงพาณิชย์ และกองพัฒนาดิจิทัลอุตสาหกรรม หน่วยงานที่จะส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการให้เดินหน้าธุรกิจด้วยการใช้ระบบดิจิทัลในการบริหารจัดการ เพื่อนำไปสู่ช่องทางการค้าอันหลากหลาย ความทันสมัย และโอกาสเติบโต ที่สูงขึ้น
