ไม่ว่าการออกโรงเพื่อแก้พรป.ว่าด้วยพรรคการเมืองของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ นายไพบูลย์ นิติตะวัน
ไม่ว่าการออกโรงเพื่อแก้รัฐธรรมนูญของ นายสมศักดิ์ เทพสุ ทิน
ในที่สุดก็จะ “แป้ก”
แม้จะมีท่าที “ขานรับ” อย่างอบอุ่นมาจาก 1 คสช. และ 1 จาก รัฐบาล
แต่ยากอย่างยิ่งที่จะตีฝ่า”ด่าน”ไปได้
หรือหาก 1 คสช. และ 1 รัฐบาล ต้องการโล้กรรเชียงไปให้ถึง
“เป้าหมาย”ที่ต้องการ
ก็จะเป็นไปในแบบ “หืด” ระบมคอ
ปราการสำคัญเป็นอย่างมากที่แม้กระทั่ง “คสช.”เองก็ต้องยอมรับเพราะว่าผ่านเดือนพฤษภาคม 2557 มาแล้วเป็นปีที่ 3
จากเดือนพฤษภาคม 2557 มายังเดือนพฤษภาคม 2558
จากเดือนพฤษภาคม 2558 มายังเดือนพฤษภาคม 2559
จากเดือนพฤษภาคม 2559 มายังเดือนพฤษภาคม 2560
และขณะนี้กำลังอยู่ในเดือนธันวาคม และอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเดือนพฤษภาคม 2561 ก็จะมาเยือน
นั่นหมายถึงเดือนพฤศจิกายน 2561 อยู่อีกไม่ไกล
จำได้หรือไม่ว่า “แถลงการณ์ร่วมไทย-สหรัฐ” ณ ทำเนียบ ขาว สหรัฐอเมริกา เขียนไว้อย่างไร
จำได้หรือไม่ว่า “เสียง” จาก EU อยากเห็นอะไร
หากประเมินเพียงเสียงจาก”นักการเมือง”อาจมิได้มีพลังอะไรหนัก แน่นมากนัก
แต่อย่าลืมเป็นอันขาดว่า อะไรคือสิ่งที่”คสช.”เน้นย้ำ
เป็นการเน้นย้ำจากความสำเร็จที่คะแนนและความนิยมอยู่ในระดับร้อยละ 90 แตะไปยังร้อยละ 100 มิใช่หรือ
นั่นเป็นเรื่องทาง “การเมือง”
เป็นการเน้นย้ำจากความสำเร็จอันงดงามของ “ประชารัฐ”และการกินดีอยู่ดี มิใช่หรือ นั่นเป็นเรื่องทาง “เศรษฐกิจ”
ในเมื่อทั้งหมดนี้เป็น “ผลงาน” และถือเป็น”ความสำเร็จ”ตลอด 3 ปีเศษของคสช.ของการรัฐประหาร
แล้วจะไป”กลัว”ทำไมกะอีแค่”การเลือกตั้ง”