เจอร์เก้น คล็อปป์ โค้ชทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่เพิ่งคุมทีมเก็บได้แค่ 2 จาก 6 คะแนนเต็มล่าสุด จนมีแต้มในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จบนัดที่ 17 จากทั้งหมด 38 นัดที่ 31 คะแนน หล่นมาอยู่อันดับ 5 ของลีก และตามจ่าฝูง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึง 18 แต้ม แต่สามารถทำผลงานได้ดีในเวทียุโรป ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้
หลังผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย ในฐานะแชมป์กลุ่มอี แถมยังจับสลากพบทีมไม่แข็งแกร่งมากนักอย่างปอร์โต้ จากโปรตุเกส ในรอบดังกล่าวนั้น รีบให้สัมภาษณ์ทำนองว่าลิเวอร์พูลกำลังมีเป้าหมายหลักในตอนนี้ คือการคว้าแชมป์รายการใหญ่สุดของทวีปเป็นสมัยที่ 6 ในประวัติศาสตร์ 125 ปีของสโมสร
สำหรับสาเหตุที่ทำให้กุนซือชาวเยอรมันวัย 50 ปีกล้าคิดแบบนั้น ทั้งที่มียอดทีมรีล มาดริด, บาร์เซโลน่า, ปารีส แซงต์แชร์แมง, บาเยิร์น มิวนิก, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขวางทางเต็มไปหมด เนื่องจากยกตัวอย่างสมัยเกือบพาทีม “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เป็นแชมป์ยุโรป 5 ซีซั่นก่อนมาแล้ว
โดยครั้งนั้น ดอร์ทมุนด์ของคล็อปป์ก็ถูกทีม “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก อีกหนึ่งยักษ์ใหญ่ร่วมลีก นำโด่งเกมลีกบุนเดสลีก้า เยอรมนี ตลอดฤดูกาล 2012-13 จบเข้าป้ายในฐานะรองแชมป์ที่ 66 คะแนน และน้อยกว่าบาเยิร์นถึง 25 แต้ม ก่อนทั้งคู่ไปพบกันอีกครั้งในเกมชิงดำยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลเดียวกัน และสุดท้ายเสือเหลืองโดนเสือใต้เบียดคว้าแชมป์ด้วยประตูชัยนาทีรองสุดท้าย 2-1 จากอาร์เยน ร็อบเบน
ส่งผลให้คล็อปป์ยกสถานการณ์ในอดีตมาเปรียบเทียบว่าใกล้เคียงกันกับตอนนี้ โดยเปลี่ยนจากดอร์ทมุนด์กับบาเยิร์น เป็นลิเวอร์พูลกับแมนฯ ซิตี้ ว่า ลิเวอร์พูลคงไล่แมนฯ ซิตี้ในลีกไม่ทันแล้ว เหมือนตอนที่ดอร์ทมุนด์ไล่บาเยิร์นไม่ทันในตอนนั้น แต่ลิเวอร์พูลมีลุ้นเอาชนะแมนฯ ซิตี้ ได้อย่างแน่นอน หากเจอกันในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นนี้
คล็อปป์ที่เคยเห็นทีมหงส์แดงถูกทีมเรือใบสีฟ้าของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ซึ่งก็เป็นกุนซือบาเยิร์นในฤดูกาล 2012-13 ถล่มที่เอติฮัด สเตเดียม ถึง 5-0 กับเกมพรีเมียร์ลีก 3 เดือนก่อน กล่าวถึงอดีตเก่าๆ ต่อไปอีกว่า ตอนที่ดอร์ทมุนด์เจอบาเยิร์นในเกมชิงดำยุโรป ดอร์ทมุนด์ก็ไม่ได้เล่นแย่แต่อย่างใด อีกทั้งยังเป็นเกมที่เปิด และไม่มีใครเห็นว่าบาเยิร์นที่มีคะแนนในลีกมากกว่าดอร์ทมุนด์ถึง 25 แต้ม จะเหนือกว่าแบบเบ็ดเสร็จแต่อย่างใด
