ที่มา | นฤตย์ เสกธีระ [email protected] |
---|---|
ผู้เขียน | คอลัมน์ แท็งก์ความคิด |
เพลงคลาสสิกนี่มีเสน่ห์ ถ้ามีผู้รู้แนะนำให้รู้จัก ยิ่งเพลิดเพลิน
เหมือนดั่งเช่นการไปฟังคอนเสิร์ตวงไทยแลนด์ฟีลฮาร์โมนิก ออเคสตรา หรือวงทีพีโอ
อาทิ การไปฟังเมื่อวันศุกร์-เสาร์ที่แล้ว และได้ซึมซับบทเพลงอมตะ
ซิมโฟนี หมายเลข 3 บันไดเสียง อีแฟลต เมเจอร์ ของ ลุควิค ฟาน บีโธเฟน ชาวเยอรมัน (ค.ศ.1770-1827)
หรือที่รู้จักกันในชื่อ Eroica ซึ่งแปลว่า วีรบุรุษ
เสน่ห์ของบทเพลงนี้คืออานุภาพที่เปรียบเหมือน บิ๊กแบง วงการดนตรีคลาสสิก
ระเบิดออกเพื่อเปลี่ยนจาก คลาสสิก สู่ โรแมนติก
คลาสสิกที่ยึดระเบียบแบบแผน สู่โรแมนติกที่คำนึงถึงอารมณ์มนุษย์ด้วย
เสน่ห์ของบทเพลงนี้ วงทีพีโอถ่ายทอดออกมาเป็นช่วงๆ
ตั้งแต่ท่อนแรก
เริ่มต้น การย้ำคอร์ด Eb ซึ่งถือเป็นอินโทรของบทเพลงเริ่มขึ้น
ถือว่าเป็นอินโทรที่สั้นจริงๆ
จากนั้นบทเพลงเคลื่อนเข้าสู่ทำนองแรก โดยกลุ่มเครื่องสายเชลโลนำร่อง
แล้วตามมาด้วยกลุ่มเครื่องเป่า
ความแปลกของบทเพลงปรากฏขึ้นอีกครั้งเมื่อการบรรเลงเชื่อมต่อทำนองแรกกับทำนองที่สองมีความยาวกว่าปกติ
เออ ที่เคยปฏิบัติกันก็ไม่ทำ ส่วนที่ไม่เคยปฏิบัติก็จะทำ
ความ เกินกว่าปกติ นี้ยังปรากฏให้ได้ยินเป็นระยะๆ ตลอดบทเพลง
โดยเฉพาะช่วงท้าย ซึ่งปกติจะ สั้น แต่บีโธเฟนประพันธ์ยาวแถมยังมีการพัฒนาทำนอง
ในท่อนที่สอง บทเพลงเริ่มต้นด้วยเสียงอันเศร้าหมอง แต่ช่วงกลางกลับเจิดจ้าขึ้นมา
ก่อนที่จะกลับไปสู่ทำนองเดิม แล้วจบลงอย่างสงบ
ส่วนท่อนที่สาม บีโธเฟนได้เปลี่ยนจากวิถีปฏิบัติเดิมที่เคยใช้รูปแบบการประพันธ์ manuet ซึ่งเป็นจังหวะเต้นรำ
กลายมาเป็น scherzo ซึ่งมีความเร็วจี๋ และมีพลังเหลือล้น
ขณะที่ยังคงช่วงกลางที่เรียกว่า Trio เอาไว้ ซึ่งในบทเพลงซิมโฟนีหมายเลข 3 นี้ เฟรนช์ฮอร์นได้แสดงฝีมือเยี่ยม
ประทับใจ !
ท่อนสุดท้าย บีโธเฟนประพันธ์ในรูปแบบ แวริเอชั่นส์ หรือการแปรทำนอง
ทำนองหลักที่นำมาประพันธ์ บีโธเฟนนำเอาดนตรีประกอบของบัลเลต์มาใช้
บัลเลต์เรื่องดังกล่าวชื่อ The Creatures of Prometheus
เป็นบัลเลต์ที่บีโธเฟนประพันธ์ดนตรี
นอกจากความพิสดารเกี่ยวกับการประพันธ์แล้ว บทเพลงนี้ยังมีความหมายทางการเมือง
บทเพลงนี้เดิมบีโธเฟนต้องการประพันธ์ให้แก่ นโปเลียน
แต่ภายหลังเปลี่ยนใจจึงใช้ชื่อ อีโรอิกา หรือ วีรบุรุษ แทน
ดังนั้น ทำนองหลักของท่อนแรกที่นำเสนอโดยเชลโล ตีความเป็นตัวแทนของวีรบุรุษ
ความเบาและทิศทางเสียงที่พุ่งสูง คือ ความอ่อนแอที่ยังมีอยู่
ขณะที่โน้ต และจังหวะ รวมถึงการรัวกลอง จุดให้ระลึกถึงผลงานหลายชิ้นที่แต่งระหว่างการปฏิวัติในช่วงสาธารณรัฐที่หนึ่งของฝรั่งเศส
ส่วนท่อนสุดท้ายที่นำเอาดนตรีจากบัลเลต์เรื่อง The Creatures of Prometheus มาเป็นทำนองหลักนั้น
ตีความจากชื่อ Prometheus ซึ่งเป็นเทพไททันที่ขโมยไฟจากสวรรค์มาให้มนุษย์ใช้ประโยชน์
กระทั่ง Zeus เจ้าแห่งเทพรู้เรื่อง และลงโทษด้วยการพันธนาการไว้กับหิน
แล้วให้นกอินทรีมาจิกกินตับทุกวัน
ตับจึงถูกจิกกินไปทุกวัน แต่ Prometheus ก็ฟื้นขึ้นมาใหม่ทุกวัน เพราะเขาเป็นอมตะ
เทพ Prometheus นี้ ถือว่าเป็นวีรบุรุษของมนุษยชาติ ขณะที่นโปเลียนในยุคนั้นถูกเปรียบกับเทพไททัน
ด้วยเหตุนี้จึงตีความว่า บีโธเฟนต้องการจะยกย่องนโปเลียน
เพียงแต่ตอนหลังเปลี่ยนใจ
ความรู้ที่ได้รับทั้งมิติของการประพันธ์ มิติของประวัติศาสตร์ และการตีความนี้
เมื่อได้ทราบ เวลาได้ฟัง จะทำให้เรารู้สึก อิน ไปกับบทเพลง
แม้หลายคนจะมองเพลงคลาสสิกว่ายากที่จะฟัง
แต่หากได้รับการชี้แนะ ก็สามารถซึมซับสุนทรีย์ได้ไม่มากก็น้อย
น่าเสียดายที่ความรู้เหล่านี้ไม่ค่อยได้ยิน ไม่ค่อยได้อ่าน
ก่อนหน้านี้รายการวิทยุชื่อ สนทนาภาษาดนตรี ทางคลื่น FM 100.5 มี บวรพงศ์ ศุภโสภณ เป็นผู้จัด
ได้อธิบายบทเพลง และเชิญผู้รู้มาช่วยอธิบายมิติต่างๆ ของบทเพลงเหล่านี้
ให้ฟังทุกเสาร์-อาทิตย์
แต่การจัดผังรายการล่าสุด รายการอันมีประโยชน์ต่อการฟังดนตรีคลาสสิก
ไม่มีอยู่แล้ว
ตอนนี้ก็เหลือแต่ที่หอประชุมมหิดลสิทธาคาร มหาวิทยาลัยมหิดล
ที่นั่น เผยแพร่ความรู้ของบทเพลงก่อนรับฟัง
ทุกโปรแกรมการแสดงของวงทีพีโอ จะมีสูจิบัตรแจก มีกูรูมาอธิบาย
ใครได้ติดตามเป็นประจำคงทราบกันดีอยู่แล้ว
แต่ที่เอ่ยมาทั้งหมดเพราะรู้สึกเสียดาย
เสียดายรายการวิทยุที่ให้ความรู้ต้องหดหาย
และน่าเสียดายถ้าสังคมไทยหยุดการสนับสนุนความรู้ทางสุนทรียะ
ความรู้ทางศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นแขนงไหน ล้วนเป็นการสร้างถนนสู่สุนทรีย์
บางที สังคมที่กระด้างอาจได้รับการขัดเกลา เมื่อมีสุนทรีย์
แต่ถ้าเราทอดทิ้งเส้นทางสู่สุนทรีย์เสียแล้ว
มันก็น่าเสียดาย