‘หลังๆมานี้ แทบทุกครั้งที่เกิดข่าวความสูญเสียชีวิตคนด้วยเหตุจากโรคซึมเศร้า เราก็มักจะถูกสัมภาษณ์ ถูกตั้งคำถาม ว่าเพราะอะไร และทุกคนจะอยากรู้ว่าเราผ่านมันมาได้อย่างไร’ ทราย เจริญปุระ เขียนไว้อย่างนั้น ในโพสต์ล่าสุดทางอินสตาแกรมส่วนตัวของเธอ
จากนั้นก็เล่าถึง ‘เหตุผลของการมีชีวิตอยู่’
ซึ่งเนื้อหาเต็มๆมีดังนี้
‘เหตุผลของการมีชีวิตอยู่ : หลังๆมานี้ แทบทุกครั้งที่เกิดข่าวความสูญเสียชีวิตคนด้วยเหตุจากโรคซึมเศร้า เราก็มักจะถูกสัมภาษณ์ ถูกตั้งคำถาม ว่าเพราะอะไร และทุกคนจะอยากรู้ว่าเราผ่านมันมาได้อย่างไร อย่างวันนี้ก็มีคนโทรมาสัมภาษณ์เหมือนกัน
จริงๆอยากจะบอกว่า เราไม่ได้เก่ง และเราไม่ได้’ผ่าน’มันมาได้นะ แต่เราเดินไปคู่กับมันนี่แหละ เรื่องชวนตายมีได้ทุกวัน เราแค่หาเหตุผลที่ดีกว่ามาวัดกับมันเท่านั้นเอง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่ พูดไปก็ออกจะเด๋อๆด้วยซ้ำ เช่น เรายังไม่ได้อ่านหนังสือภาคต่อของเกเบรียล อัลลอนเลยนะ | ถ้าเราตาย เราจะไม่มีโอกาสได้เล่นหนังกับใครอีกตลอดกาล ถ้ามีบทที่น่าสนุกรอเราอยู่ล่ะ | อาจจะมีการคิดค้นร้านปิ้งย่างที่ถูกใจเราขึ้นมาอีกก็ได้นะ | คลินท์ อีสวู้ดยังไม่ตายเลย เราอยากดูหนังของเค้าอีก
เรื่องเล็กๆน้อยๆอันเป็นส่วนตัวแบบนี้แบบนี้แหละ ที่จะเหนี่ยวรั้งเราเอาไว้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ๆอย่างความรับผิดชอบ ครอบครัว หรืออะไรเลย เพราะเรื่องใหญ่ๆมันดูเหมือนมีคนช่วยเฉลี่ยรับมือกันไปไง ไม่มีเราเขาก็อยู่ได้ แต่เรื่องที่เป็นส่วนตัวจริงๆต่างหาก ที่ทำให้เรายังมีเยื่อใยต่อโลก
ตั้งแต่ป่วยมาจนตอนนี้ น้ำหนักเราขึ้นมาเยอะมาก ก็เป็นเพราะเอฟเฟคท์จากยาและผลทางใจอะไรพวกนี้แหละ แต่เวลามีใครมาทัก เราก็จะรู้สึกว่า ก็ดีกว่าตายวะ อยู่ไปก่อนสิ เราก็ดูไม่แย่หรอกน่า ซึ่งก็ต้องขอบคุณทั้งตัวเองและคนรอบข้างด้วยแหละ ที่ไม่มาจ้ำจี้จ้ำไชกับเราแบบเอาเป็นเอาตาย ไม่งั้นก็ยิ่งแย่ เราก็ยิ่งเกลียดตัวเอง จากที่อยู่ไม่สงบอยู่แล้ว ชีวิตก็ยิ่งไร้ความหมาย
แต่ถ้าถามว่าเราเข้าใจไหมถึงความสิ้นหวังและเลือกที่จะจากไป, เราเข้าใจนะ โลกที่เครียดกับเรามากๆ คาดหวังกับเรามากๆ มันไม่น่าอยู่ทั้งนั้นล่ะ และเราไม่ได้รู้สึกว่าเขาเลวร้ายอะไรที่จากไป แต่เสียใจ
เสียใจทุกครั้งจริงๆ’
ขอบคุณ itr