เปิดความลับบนเครื่องบิน ‘นาโอห์’ บิ๊กเซอร์ไพรส์จาก ‘ช่างชุ่ย’

ภาพจากเฟซบุ๊ก "ช่างชุ่ย ChangChui"

“เมื่อผมจากโลกนี้ไป ผมจะบริจาคร่างกายเป็นอาจารย์ใหญ่ส่งต่อวิทยาทานต่อไป”

คำกล่าวแสดงเจตนารมณ์ โดย ลิ้ม-สมชัย ส่งวัฒนา ผู้ก่อตั้งแบรนด์แฟชั่นสัญชาติไทย Flynow ที่ได้ปลุกปั้นพื้นที่กองขยะกว่า 11 ไร่ ย่านฝั่งธนบุรี กรุงเทพฯ จนกำเนิดเป็นโครงการ “ช่างชุ่ย” พื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดและมิตรภาพ ผ่านอาร์ตแกลเลอรี่ คาเฟ่ โรงละคร ร้านอาหาร และร้านหนังสือ

ด้วยโครงสร้างอาคารที่แปลกตา ประดับประดาด้วยวัสดุเก่าโบราณโหยหาอดีต บนพื้นฐานแนวคิด “Nothing is useless” ที่เชื่อว่า “ไม่มีสิ่งใดที่ไร้ค่า”

ลิ้ม-สมชัย ส่งวัฒนา

สมชัยเล่าว่า “แต่ก่อนพื้นที่ตรงนี้เป็นที่ทิ้งขยะของฝั่งธนฯ ทุกสิ่งเรียกได้ว่าเป็นเศษขยะกองใหญ่ที่ประกอบขึ้นเป็นโครงการช่างชุ่ย ไม่ว่าจะเป็นประตู หน้าต่าง สังกะสี ผมไปขอซื้อต่อจากชาวบ้านที่เขาไม่ใช้แล้ว ยกเว้นโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องมั่นคงแข็งแรง ผมได้นำกองขยะมาปฏิรูปใหม่ให้สอดคล้องกับพื้นที่ด้วยองค์ความรู้การออกแบบที่สั่งสมมา จนเกิดเป็นงานศิลปะที่มีคุณค่า เป็นซากแห่งความทรงจำและเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ ที่แห่งนี้เหมาะสมกับทุกคน ไม่ว่าใครจะถนัดใช้งานสมองซีกซ้ายหรือซีกขวา เพราะช่างชุ่ยได้หลอมรวมเหตุผลและจินตนาการมาบรรจบกัน”

Advertisement

เมื่อเหยียบย่างข้ามพื้นคอนกรีตและการจราจรคับคั่งในเมืองหลวง เข้าไปเหยียบย่ำพื้นหินกรวดรายรอบด้วยพืชพันธุ์ไม้ในโครงการช่างชุ่ย สัมผัสแรกเหมือนได้ผ่านประตูมิติเข้าไปพบกับอีกโลกหนึ่งที่เต็มไปด้วยอาคารสถาปัตยกรรมแปลกตา คละคลุ้งด้วยม่านหมอกไอน้ำสร้างภาพเบลอเหมือนอยู่ในความฝัน

และเมื่อก้าวเข้าไปอีกนิด เพียงไม่นานก็จะพบกับ “เครื่องบินปลดประจำการลำมหึมา” ที่จอดเทียบท่าอยู่ผิดที่ผิดทางในเมืองกรุง

“อุโมงค์กาลเวลา” บริเวณใต้ปีกเครื่องบินนาโอห์ (ภาพจากเฟซบุ๊ก “ช่างชุ่ย ChangChui”)

จากตำนานเรือไม้สน ‘โนอาห์’
สู่เรือบินเหล็กกล้า ‘นาโอห์’

เมื่ออดัมกับเอวามีลูกหลานขยายอาณาจักรจนกว้างขวาง แต่มวลมนุษย์กลับห่างเหินกับพระเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ บาปต่างๆ เริ่มคืบคลานเข้ามาครอบงำมนุษย์จนสกปรกโสมม พระเจ้าจึงเริ่มคิดชำระล้างโดยบันดาลให้ฝนตก 40 วัน 40 คืน จนน้ำหลากท่วมกวาดล้างทุกสรรพสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้น แต่โนอาห์ผู้ซึ่งพระเจ้าเห็นว่ามีความดีพร้อม จึงได้รับการไว้ชีวิตและถูกบัญชาให้สร้างเรือลำใหญ่จากไม้สน เพื่อกอบกู้ชีวิตคนในครอบครัว และสัตว์ป่าชนิดละหนึ่งคู่ให้รอดพ้นจากความตาย

จนถึงวันที่น้ำแห้งลงเป็นปกติ พระเจ้าก็ได้มอบสายรุ้งแก่โนอาห์เพื่อเป็นพันธสัญญาว่า หากยังเห็นสายรุ้งพาดผ่านฟ้า นั่นแสดงว่าน้ำจะไม่ท่วมโลกอีกต่อไป

สมชัย “นักจินตนาการ” แห่งช่างชุ่ย จึงเกิดแรงบันดาลใจแปลงสารจากตำนานข้างต้น ในเมื่อปัญหาน้ำท่วมโลกคงไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว ด้วยสายรุ้งที่ยังปรากฏอยู่ทุกครายามฝนตก หากแต่ปัญหาในปัจจุบันอาจยิ่งใหญ่กว่า ไม่ว่าจะเป็นภาวะสงครามหรือภัยพิบัติ การอพยพจึงควรเกิดขึ้นผ่านนวัตกรรมทันยุคสมัย

เมื่อสมชัยซึ่งเป็นหนึ่งในนักสะสมของเก่าตัวยงได้ข่าวคราวถึงเครื่องบินพาณิชย์ที่ถูกปลดประจำการ เขาจึงสวมวิญญาณกัปตันขับเคลื่อนเครื่องบินอาวุโสลำนั้นมาตั้งไว้บนพื้นที่โครงการช่างชุ่ยในนาม “นาโอห์” อันเป็นชื่อที่ล้อมาจากตำนานเรือ “โนอาห์” เพื่อเตรียมพร้อมอพยพครั้งยิ่งใหญ่!

“เครื่องบินลำนี้เคยงามสง่าในช่วงปี ค.ศ.1970 เป็นต้นมา เป็นเครื่องบินเชิงพาณิชย์ ‘ล็อกฮีด แอล-1101 ไตรสตาร์’ (Lockheed L-1011 TriStar) สัญชาติอเมริกัน จุผู้โดยสารได้ถึง 450 ที่นั่ง ซึ่งอลังการมากในยุคนั้น หลังจากโลดแล่นข้ามน่านฟ้าอยู่นานเกือบ 50 ปี บัดนี้ถึงเวลาปลดประจำการ อินทรีเหล็กที่เคยยิ่งใหญ่กำลังถูกรีไซเคิลให้กลายเป็นเพียงเศษโลหะ ลองคิดดูว่า ตอนเขาเกิดมามีความงามสง่า แต่เมื่อเขาตายจากไปตามอายุขัย กลับถูกบีบอัดกลายเป็นเพียงก้อนอะลูมิเนียม ที่จริงเราควรให้คุณค่าเขามากกว่านั้น”

“ผมจึงปลุกเขาให้ฟื้นขึ้นมาใหม่ โดยยังคงโครงสร้างของเครื่องบินไว้ แต่ปรับโฉมภายใน นำที่นั่งผู้โดยสารทั้งหมดออกเพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอย จัดวางเครื่องเคราจากโลกเก่ากว่าร้อยปีก่อน คล้องผูกกับตำนานโบราณเรือโนอาห์ แล้วร้อยเรียงผสานไว้กับแนวคิดโลกใหม่ในปัจจุบัน เป็นการเอาของที่ไม่ควรอยู่ด้วยกันอย่างสิ้นเชิงให้มาอยู่ด้วยกันได้ ซึ่งหากทุกคนมองจากภายนอกจะไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่ามีอะไรอยู่ภายใต้ฉากหน้าของเครื่องบินนาโอห์” สมชัยเล่าพร้อมรอยยิ้ม ก่อนขยับใบหน้าให้จริงจังขึ้น พร้อมกล่าวต่อว่า

“สมัยก่อนผมหวงเครื่องบินลำนี้มาก ไม่อยากให้ใครมายุ่ง แต่ผมลองใช้เวลานั่งคิดทบทวนจนเชื่อว่า ถ้าหากต่างฝ่ายต่างมีน้ำจิตน้ำใจเข้าหากัน คงจะเกิดสิ่งที่เป็นประโยชน์มากขึ้นจากสิ่งที่เราต่างมีอยู่ ผมจึงปลดเปลื้องความคิดที่ว่าสิ่งของเป็นของเรา แล้วรังสรรค์สิ่งที่สะสมไว้ให้ทุกคนได้เข้ามาสัมผัสเหมือนกัน”

ฝูงสัตว์บนนาโอห์ เตรียมอพยพ

ผู้โดยสารสามารถขึ้นสู่เครื่องบินนาโอห์ได้ทั้งทางบันไดและลิฟต์โบราณ ส่วนสไลเดอร์สีแดงเป็นทางลง ทางเลือก หากใครชอบความตื่นเต้น

เมื่อหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าของนาโอห์ บานประตูแง้มขึ้นเชื่องช้าด้วยระบบไฮดรอลิก ค่อยๆ ปรากฏภาพสัตว์สีขาวตัวเขื่อง เมื่อประตูกลเปิดอ้าจนสิ้นเสียง จึงพบว่าเป็นหมีขาวขั้วโลกสองแม่ลูกที่เข้ามารออพยพอยู่ก่อนหน้า สรรพสัตว์ต่างๆ กว่า 50 ชนิดเริ่มแสดงตัว เริ่มจาก หมูป่าหางชี้จากแอฟริกา ลิงแมนดริลหน้าสีกวางเขายาวจากทุ่งหญ้าสะวันนา ฝูงนกฮูกตัวใหญ่ และอีกหลายสายพันธุ์ชนิดที่นับไม่หวาดไหว

เหล่าสัตว์สตั๊ฟบนเครื่องบินนาโอห์

สัตว์เหล่านี้ได้รับการสตั๊ฟด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ จากนั้นถูกจัดวางไว้ด้วยกระบวนการเชิงศิลป์ที่น่าสนใจเรื่อยมาจนถึงเคาน์เตอร์บาร์บริเวณกลางลำ ถูกรายล้อมด้วยขวดน้ำหอมเหลือทิ้งจำนวนมหาศาลที่สมชัยสะสมไว้ ผนังเครื่องบินประกอบภาพจิตรกรรมและเฟอร์นิเจอร์โบราณ รวมถึงของตกแต่งล้ำค่าเชิงประวัติศาสตร์

เมื่อเดินลงไปยังส่วนท้องของเครื่องบินจะพบห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวสำหรับ 8-10 ท่าน มีโซฟายาวสีแดงสดนอนวางตัวสองด้านตรงข้าม ระหว่างกระเป๋าผู้โดยสารเก่าแก่ที่ถูกจัดวางเป็นโต๊ะตั่ง และที่สะกดสายตาเป็นที่สุดคือ กลุ่มสัตว์ป่าฝูงใหญ่ ที่เผยให้เห็นสิงโตขาวเจ้าป่าโดดเด่น ถึงแม้ไม่มีการเคลื่อนไหวและไร้สุ้มเสียงคำราม แต่กลับงามสง่าอย่างน่าประทับใจ

“ผมมองว่าทุกชีวิตมีค่า สัตว์เหล่านี้เสียชีวิตตามธรรมชาติ แล้วถูกนำมาสตั๊ฟโดยนักอนุรักษ์ แทนที่จะถูกย่อยสลายไป ผมก็ดึงเขากลับมาเพื่อเป็นวิทยาทานให้เราได้เรียนรู้ เพราะในชีวิตเราการจะได้เข้าใกล้สัตว์พวกนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย

ชีวิตของผมก็เช่นเดียวกัน เมื่อผมตายไป บทบาทของผมก็แค่จบลงในฐานะผู้มีชีวิต แต่ร่างกายของผมจะถูกสานต่อในบทบาทอาจารย์ใหญ่ ทุกคนสามารถเรียนรู้อวัยวะของผมได้ทุกส่วนตามที่พึงพอใจ แล้วผมจะกลับไปอย่างสมบูรณ์แบบ” สมชัยเผยแนวคิดที่ว่า ความตายไม่ใช่บทบาทสุดท้ายของชีวิต

 

สัตว์สตั๊ฟฝูงใหญ่ ควาบลับของท้องเครื่องบินนาโอห์

เตรียมเปิดพิพิธภัณฑ์ และภัตตาคารบนเครื่องบิน

หลายคนคงเคยไปทานอาหารบนภูเขา ริมแม่น้ำ หรือริมทะเลมาแล้ว แต่การได้ทานอาหารระดับภัตตาคารบนเครื่องบินที่รายล้อมไปด้วยสรรพสัตว์คงเป็นสิ่งที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้

ทั้งนี้ สมชัยจะแปลงโฉมเครื่องบินนาโอห์ให้เป็นภัตตาคารด้วย ซึ่งจะคัดเลือกเชฟที่เหมาะสมมาหมุนเวียนสลับสับเปลี่ยน พร้อมพรั่งด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศจากธรรมชาติ เพื่อประสบการณ์แปลกใหม่ที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน

โดยคาดว่าจะจัดเป็นภัตตาคารเฉพาะวันศุกร์-อาทิตย์ จำกัดคนขึ้นเครื่องบินเพียง 30-40 คนต่อรอบ และไม่เกิน 200 คนต่อวัน เพื่อให้สะดวกต่อการจัดการและดูแลรักษา อย่างไรก็ดี ในทุกวันจะเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีเสียงบรรยายคลอผ่านลำโพง บอกเล่าเรื่องราวสิ่งที่เกิดขึ้นบนเครื่องบินลำนี้ ทั้งฝูงสัตว์ โต๊ะ หรือเก้าอี้แต่ละตัวล้วนมีที่มา

สมชัยแง้มว่า จะเริ่มเปิดประตูเครื่องให้ผู้โดยสารร่วมอพยพพร้อมๆ กัน ในวันที่ 13 มกราคม 2561

“ผมคิดในสิ่งที่ไม่เคยเห็น ถ้าผมเคยเห็นสิ่งไหนผมจะไม่ทำ ที่นี่ก็เช่นกัน ถึงนาโอห์อาจจะคล้ายที่ไหนก็ตาม แต่ผมรับประกันว่าไม่เหมือนที่ไหนแน่นอน” สมชัยกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

พลวัตช่างชุ่ย สิ่งใหม่เพิ่มเติม
สิ่งเดิมเปลี่ยนแปลง

ถึงแม้โครงการช่างชุ่ยได้เปิดตัวไปแล้วเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่สมชัยยืนยันว่า เป็นแค่เพียง Soft opening เท่านั้น เพราะยังเหลืออีกบางส่วนที่ต้องเพิ่มเติมหรือปรับเปลี่ยน

อย่างไรก็ตาม ช่างชุ่ยก็มีความสมบูรณ์กว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ก็ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่เท่านั้น กระนั้น งานศิลปะก็แปรเปลี่ยน ธรรมชาติก็เติบโต และผู้คนที่เหยียบย่างเข้ามาบนโลกของ

ช่างชุ่ยก็ยังคงหมุนเปลี่ยนไหลเวียนเรื่อยไปอย่างไร้ขอบเขตพื้นที่มาจำกัด

“หลายคนบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดา หากเลือกทำงานศิลปะจำต้องเหนื่อยไปตลอดชีวิต ผมบอกว่างานนี้คือความรักของผม ใช่ที่ว่าผมต้องทำตลอดชีวิต แต่ขอเถียงขาดใจเลยว่าผมไม่เหนื่อย วันหนึ่งผมอยากเห็นช่างชุ่ยเชื่อมโยงกับสังคมที่มีความคิดเดียวกัน เป็นสังคมในอุดมคติที่ทุกคนพร้อมจะให้และแบ่งปัน หากเกิดขึ้นได้จริง โลกใบนี้จะยิ่งงดงามและมีความหมาย”

ซึ่งช่างชุ่ยพร้อมอ้าแขนรับทุกคนเข้ามาแลกเปลี่ยนแนวคิด แล้วไหลหลากไปกับกระแสจินตนาการที่ไม่หยุดนิ่งร่วมกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image