อย.ร่างกฎหมายห้ามนำส่วนประกอบจาก ‘ไขมันทรานส์’ ผลิตอาหาร คาดใช้ เม.ย.61

น.ส.ทิพย์วรรณ ปริญญาศิริ

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม  น.ส.ทิพย์วรรณ ปริญญาศิริ ผู้อำนวยการสำนักอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า ตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดว่าในน้ำมันต้องมีไขมันทรานส์ไม่เกิน 0.5 มิลลิกรัม เพราะไขมันทรานส์เป็นสาเหตุของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD) ซึ่งให้ทุกประเทศทั่วโลก กำหนดเป็นกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยสหรัฐอเมริกาออกเป็นกฎหมายไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เดือน มิถุนายน 2559 ส่วนของประเทศไทยตอนนี้อยู่ระหว่างการยกร่างกฎหมายห้ามนำส่วนประกอบอาหารที่มีไขมันทรานส์มาผลิตอาหาร ห้ามเติมสารไฮโดรเจนลงไปในกระบวนการผลิตน้ำมัน โดยอยู่ในชั้นอนุกรรมการอาหาร  เหลือนำเข้าคณะกรรมการอาหารพิจารณาต่อไป คาดว่าน่าจะสามารถประกาศใช้ได้ในเดือนเมษายน .2561 แต่ให้เวลาในการปรับตัวหลังประกาศใช้อีก 1 ปี

ผอ.สำนักอาหารกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ทางอย.ได้ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการในปรับสูตรไม่ใช้น้ำมัน หรือส่วนประกอบของอาหารที่มีไขมันทรานส์มาผลิตอาหารหรือขนมซึ่งผู้ประกอบการก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

“ไขมันทรานส์เกิดจากน้ำมันที่เอามาใช้ทำอาหาร เช่น น้ำมันที่ใช้ทอดปกติต้องเป็นไขมันที่มีความอิ่มตัวสูง แต่เนื่องจากขนมต่างๆ โดนัท มักจะใช้น้ำมันถั่วเหลืองมาทอดเพื่อให้มีกลิ่นของถั่วเหลืองติดมาด้วย แต่ประเด็นคือน้ำมันถั่วเหลืองเป็นน้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวต่ำ ถ้าจะเพิ่มให้มีความอิ่มตัวสูงเพื่อให้เหมาะสำหรับการทอดเลยต้องมีการเติมสารไฮโดรเจนบางส่วนลงไปในกระบวนการผลิตน้ำมัน ซึ่งทำให้เกิดไขมันทรานส์ขึ้นมา จริงๆ ประเทศไทยได้เปรียบประเทศแถบยุโปรอยู่ตรงที่เรามีน้ำมันปาล์ม ซึ่งเป็นน้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวสูงโดยธรรมชาติ เหมาะสำหรับการทำเมนูทอดอยู่แล้ว โดยที่ไม่ต้องเติมไฮโดรเจนลงไป แต่เราต้องห้ามเพื่อไม่ให้มีการนำเข้ามาจากเมืองนอก” น.ส.ทิพย์วรรณ กล่าว และว่าขอแนะนำว่าถ้าจะทำเมนูทอดขอให้ใช้น้ำปาล์ม ถ้าจะทำเมนูผัดก็ใช้น้ำมันถั่วเหลือง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image