วันที่ 16 มกราคม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจาก นายศักดิ์สิทธิ์ ซิ้มเจริญ นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญเรื่องเสือ หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า เกี่ยวกับเรื่องวิถีชีวิตของสัตว์ป่าผู้ล่าในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง โดยก่อนหน้านี้นักวิจัยได้พบซากชิ้นส่วนขาช้างจำนวน 2 ขา สภาพค่อนข้างใหม่อยู่ คาดว่าน่าจะเป็นลูกช้าง ซึ่งนักวิจัยค่อนข้างจะมั่นใจว่า ลูกช้างตัวดังกล่าวตายจากการถูกล่าโดยเสือโคร่งตัวที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ห้วยขาแข้ง คือ เสืออุทิศ ที่ก่อนหน้าที่นักวิจัยติดเครื่องหมายติดตามตัวอยู่ โดยเสืออุทิศ นี้ เป็นชื่อที่นักวิจัยตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ ดร.อุทิศ กุฏอินทร์ อาจารย์คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
“การที่เราพบเห็นร่องรอยการล่าระหว่างสัตว์ผู้ล่า และผู้ถูกล่าในป่า ไม่ใช่เรื่องแปลก อาจจะดูแลโหดร้าย แต่เป็นเรื่องปกติสำหรับชีวิตของสัตว์ป่าในธรรมชาติ ที่ต้องพยายามรักษาสมดุลในพื้นที่ป่าเอาไว้เสือตัวหนึ่งเวลาล่าเหยื่อเขามีความเป็นความตายเท่ากัน และไม่ใช่ว่าล่าทุกครั้งจะประสบความสำเร็จทุกครั้งนะ ดังนั้นเสือทุกตัวที่ล่าเหยื่อได้จะกินเหยื่อจนหมด ไม่ใช่ล่าเล่นๆ หรือล่าเพื่อความสนุกสนาน การที่เสือล่าเหยื่อในธรรมชาตินอกจากเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติแล้วยังสามารถสอนบทเรียนในชีวิตประจำวันเราได้อีกด้วย ภาพซากขาของลูกช้างที่เห็นในคลิปนั้น ไม่ใช่ของเหลือที่เสือไม่กินแล้ว แต่มันกินเอาไว้จนอิ่มเมื่อวันก่อน และจะกลับมากินใหม่ในวันต่อไปจนหมด ลูกช้าง 1 ตัว เสือใช้เวลากินประมาณ 7-10 วันด้วยกัน จะเหลือไว้เฉพาะหนังและกระดูกซึ่งกินไม่ได้เท่านั้น”อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ กล่าว
นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า ภาพในคลิปนั้นเกิดขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา ไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนมาก่อน นักวิจัยจากสถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งไปเจอระหว่างการลงพื้นที่เก็บข้อมูล คาดว่า ซากลูกช้างที่เจอนั้นเป็นลูกช้างที่อายุไม่ถึง 1 ปี รอบๆบริเวณที่เจอนั้นมีการต่อสู้กันอย่างหนัก และค่อนข้างยาวนาน และเสือไม่เหมือนสิงห์โตที่จะล่าเหยื่อเป็นกลุ่ม แต่เสือจะล่าเหยื่อเพียงตัวเดียว ต้องใช้ทั้งความฉลาดหลักแหลมและประสบการณ์ถึงสามารถหลอกล่อ ให้ลูกช้างออกจากโขลง ซึ่งมีทั้งแม่ช้าง และช้างตัวอื่นๆคอยปกป้องคุ้มครองลูกช้างอยู่
“จากการติดตาม เสืออุทิศตัวนี้เป็นเสือตัวผู้หนักประมาณ 200 กิโลกรัม อายุราว 10 ปี เป็นเสือรุ่นน้อง เสือบุปผา ตัวที่เราคิดว่า อาวุโสที่สุดในป่าห้วยขาแข้ง เสืออุทิศ เป็นเสือตัวที่เราคิดว่าน่าจะใหญ่และแข็งแรงที่สุด มันเคยกินลูกช้างมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ตัวด้วยกัน ขอเรียนว่า ไม่ใช่เสือทุกตัวที่สามารถล่าลูกช้างมากินได้ หากไม่แข็งแรง หรือไม่ฉลาดพอ การที่เสือตัวหนึ่งออกล่าลูกช้างนั้น หมายถึงการเอาชีวิตไปแลกกับชีวิต ใครพลาดก็จะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว ที่บอกว่า การล่าช้างได้ต้องเป็นเสือที่ฉลาดมาก เพราะต้องชิงตัวลูกช้างที่ได้รับการปกป้องจากช้างทั้งโขลง เมื่อลูกช้างถูกดึงออกมาจากโขลงช้างแล้ว ช้างที่เหลือก็ไม่กล้าเข้าใกล้ ได้แต่ส่งเสียงร้องอยู่ใกล้ๆ เสือจะกัดบริเวณหลอดลมให้ลูกช้างค่อยๆตาย แล้วเริ่มกินซาก จะกินทุกส่วนที่กินได้จนหมด อาจจะมีสัตว์อื่นมาช่วยแชร์บ้าง เช่น หมี ตัวเหี้ย หนอน รวมไปถึงแมลงต่างๆ”นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า เสือกินลูกช้างถือเป็นความสูญเสียหรือไม่ นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า ถือว่าเสือทำหน้าที่ได้เต็มที่ในธรรมชาติ ทำให้ธรรมชาติมีความสมดุล ไม่ให้สัตว์ที่เป็นเหยื่อ ซึ่งไม่ได้มีแค่ลูกช้างเท่านั้น แต่หมายถึง กระทิง วัวแดง เก้ง กวาง มีมากเกินไปในพื้นที่นั้นๆด้วย ภาพซากลูกช้างที่ถูกเสือกินครั้งนี้ในส่วนของนักวิจัยอาจจะเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่ได้เปิดในสาธารณมากนัก ถือเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้
