ประชาธิปไตยไทยนิยม

ทุ กครั้งที่มีการทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่หลังการรัฐประหารก็คือ ประชาธิปไตยแบบตะวันตกไม่เหมาะกับคนไทย เพราะประชาชนคนไทยยังไม่พร้อม การศึกษายังไม่ทั่วถึง คนไทยยังไม่รู้จักสิทธิเสรีภาพ ยังไม่มีความสามารถปกครองตัวเอง นักการเมืองเข้ามาสู่สภาผู้แทนราษฎรด้วยการซื้อสิทธิ ราษฎรยังนิยมขายเสียง การเมืองไทยจึงไม่ใช่ประชาธิปไตย เป็นแต่เพียงอนาธิปไตย ยังเข้าใจว่ารัฐธรรมนูญคือลูกชายของพระยาพหลพลพยุหเสนา ประชาชนยังไม่สามารถควบคุมนักการเมืองเพราะยังเลือก “คนไม่ดี” เข้ามามีอำนาจและกีดกัน “คนไม่ดี” ไม่ให้เข้ามามีอำนาจไม่ได้

การเมืองไทยจึงเป็นการเมืองแบบบุคลาธิษฐาน ไม่ใช่การเมืองแบบระบบที่จะคัดกรองคนดีเข้ามาปกครองและกีดกัน “คนไม่ดี” ไม่ให้เข้ามามีอำนาจ เราจึงต้องพัฒนาการเมืองแบบไทยๆ จะต้องพัฒนาประชาธิปไตยแบบไทยๆ แบบไทยนิยม ระบอบประชาธิปไตยไทยจึงจะมั่นคงยั่งยืนเหมือนๆ กับ “นานาอารยประเทศ” ที่ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจการปกครองระบอบประชาธิปไตย

ความคิดเช่นว่านี้ดำรงอยู่เป็นเวลากว่า 100 ปีแล้ว แม้แต่หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบ “ประชาธิปไตย” คณะราษฎรผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองก็มีความคิดเช่นนั้น ความคิดเช่นว่านั้นดำรงคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ไม่เปลี่ยนแปลง

การค้นหาระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ จึงเป็นภารกิจของชนชั้นผู้ปกครองมาโดยตลอด ทั้งๆ ที่ระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ นั้น ความจริงไม่มี เพราะความคิดเรื่องประชาธิปไตยมาจากตะวันตก

Advertisement

ความคิดเรื่องระบอบประชาธิปไตยนั้นไม่ใช่ความคิดของคนไทย แต่เป็นความคิดที่นำเข้ามาจากต่างประเทศที่พัฒนาขึ้นในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอังกฤษและฝรั่งเศส จากการต่อสู้อย่างนองเลือดทั้งในอังกฤษ ฝรั่งเศสและประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรป ปรัชญาประชาธิปไตยโดย ธอมัส ฮอบส์ จอห์น ล็อค และรุสโซ เกิดขึ้นหลังสงครามกลางเมืองในอังกฤษและฝรั่งเศสและถูกใช้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้เพื่อเอกราชในสหรัฐอเมริกาและอินเดีย เช่นเดียวกับความคิดเรื่องสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับลัทธิล่าอาณานิคมและระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในหลายประเทศของเอเชียและแอฟริกา

แต่เมื่อประเทศต่างๆ ได้รับเอกราชแล้ว ก็คงจะมีแต่ประเทศอินเดียและศรีลังกาเท่านั้นที่ยังสามารถดำรงไว้ซึ่งระบอบรัฐสภาไว้ได้ นอกนั้นอำนาจที่เจ้าอาณานิคมคืนให้ก็ตกไปอยู่ในกำมือของกองทัพทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น อินโดนีเซีย พม่า ปากีสถาน ประเทศต่างๆ ในแอฟริกาและละตินอเมริกา แม้แต่ฟิลิปปินส์ในบางโอกาส ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยที่ไม่เคยตกเป็นอาณานิคมโดยตรงของเจ้าอาณานิคมประเทศใดด้วย

เมื่อกระแสประชาธิปไตยเกิดขึ้นหลังสงครามเย็นสิ้นสุดลง โดยการพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกา ในกลุ่มประเทศอินโดจีนของฝรั่งเศส ความพยายามสถาปนาระบอบประชาธิปไตยในประเทศหลายประเทศก็เกิดขึ้น แต่ก็ประสบความล้มเหลว ประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลีใต้ พัฒนาไปเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบพรรคเดียว ประเทศอื่นๆ รวมทั้งประเทศไทยกลับไปเป็นระบอบเผด็จการทหารและมีระบอบประชาธิปไตยหลอกๆ สลับฉากเป็นครั้งคราว โดยให้เหตุผลว่าถ้าจะมีประชาธิปไตยต้องเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ เพราะประชาธิปไตยแบบตะวันตกไม่เหมาะสมกับประเทศไทย

Advertisement

ถ้าจะพิจารณาว่าประชาธิปไตยแบบไทยๆ เป็นอย่างไร ไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบอย่างถ่องแท้ได้ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะประชาธิปไตยแบบไทยๆ นั้นจริงๆ แล้ว “ไม่มี” ประชาธิปไตยเป็นของนำเข้ามาจากตะวันตก เหมือนกับวัฒนธรรมสวมเสื้อใส่กางเกงผูกเนกไทสวมรองเท้า เข้าโรงเรียนเพื่อเรียนอ่าน เรียนเขียน ใช้ช้อนใช้ส้อมใช้แก้วน้ำ รวมทั้งการจดทะเบียนสมรสก็เป็นของนำเข้ามาจากตะวันตกทั้งสิ้น รวมทั้งพุทธศาสนานิกายเถรวาท

แต่ทำไมคนไทยสามารถปรับตัวมาใช้ของมาจากต่างประเทศได้โดยไม่รังเกียจ จนคิดว่าเป็นของไทยไปเสียแล้ว ไม่มีใครนุ่งโจงกระเบนเปลือยอก เดินเท้าเปล่า ไว้จุกไว้มวย ถักผมเปียหรือเคี้ยวหมากกันแล้ว หลังจากจอมพล ป. พิบูลสงคราม ปฏิวัติการแต่งกาย ห้ามเคี้ยวหมาก ห้ามถ่มน้ำลายในที่สาธารณะ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ของไทยหรือวัฒนธรรมไทย แต่ไม่ให้มีประชาธิปไตย ถ้าจะมีก็ต้องเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ

ดังนั้นถ้าจะมีระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยก็ต้องเป็นประชาธิปไตยแบบตะวันตก ถ้าจะมีรัฐธรรมนูญ มีระบบรัฐสภา ระบบตุลาการ ก็ต้องไม่รังเกียจว่าเป็นของนอกของตะวันตก เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ เพราะประชาธิปไตยไม่ใช่ของไทย

เ มื่อมีการปฏิรูปการปกครองประเทศเมื่อ พ.ศ.2435 ในรัชสมัยพระพุทธเจ้าหลวง ก็เป็นการปฏิรูประบอบการปกครอง ปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกระบบไพร่ ยกเลิกระบบทาส จัดระเบียบบริหารราชการใหม่ จัดตั้งกระทรวง ทบวง กรม ในส่วนกลาง ตั้งมณฑลจังหวัด อำเภอ แบบเดียวกับประเทศฝรั่งเศส ซึ่งก็เป็นระบบที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ จ้างชาวเบลเยียมมาเป็นที่ปรึกษาในการปฏิรูประเบียบบริหารราชการแผ่นดินทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จนบัดนี้เราก็รับเป็นของไทยไปแล้ว

มีเพียงเรื่องเดียวที่เราปฏิเสธว่าเป็นของต่างประเทศไม่ใช่เป็นแบบไทย ถ้าจะมีประชาธิปไตยต้องเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ นั้น ดัดแปลงมาจากประชาธิปไตยแบบไทยซึ่งไม่มี เมื่อประชาธิปไตยมีปัญหาซึ่งที่ใดในโลกก็มีปัญหา ก็ต้องปรับปรุงแก้ไขไปเรื่อยๆ ทุกประเทศ เราก็เลยเหลือเป็นข้ออ้างที่จะล้มล้างระบอบประชาธิปไตยกลับไปใช้ระบอบการปกครองโดยทหารโดยกองทัพ โดยไม่ต้องยึดโยงกับประชาชน

เนื่องจากความคิดเรื่องอำนาจอธิปไตยแบบไทยๆ ก็คืออำนาจอธิปไตยเป็นของรัฐ ไม่ใช่ของประชาชน แนวความคิดว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนหรือมาจากประชาชน องค์พระประมุขทรงใช้อำนาจนั้นแทนประชาชนผ่านทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรีและศาล เป็นความคิดของต่างประเทศ ไม่ใช่ของไทย
ดังนั้นแนวความคิดนี้จึงใช้ไม่ได้สำหรับประเทศไทย จึงมีความจำเป็นต้องยึดอำนาจคืนมา เพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่รักษาสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชนที่เป็นผู้เลือกตั้งตนเข้ามา เราต้องสถาปนาประชาธิปไตยแบบไทยๆ ให้ได้

ก ารอ้างประชาธิปไตยแบบไทยๆ ซึ่งไม่มี จึงเป็นการอ้างเพื่อความชอบธรรมในการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยโดยไม่เคอะเขิน ไม่มีใครมีความเฉลียวฉลาดพอที่จะอธิบายว่าความคิดเช่นนี้ เป็นความคิดที่ผิด เป็นความคิดเข้าข้างตนเองของผู้ที่มีอาวุธ ผู้ที่มีอำนาจ โดยปราศจากการขัดขวางจากประชาชน เพราะประชาชนก็ถูกสอนว่าตนมิได้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย โดยธรรมชาติมาแต่เดิม โดยไม่ต้องมีใครหยิบยื่นให้

ทุกสังคมจะหวังว่าประชาชนทุกคนหรือส่วนใหญ่ของประเทศ จะสนใจเข้าร่วมในขบวนการทางการเมืองในยามปกติ ย่อมเป็นไปไม่ได้ การดำเนินการทางการเมืองย่อมอยู่ในมือของกลุ่มปัญญาชนกลุ่มหนึ่งในสังคมเสมอ แต่กลุ่มปัญญาชนดังกล่าวเป็นกลุ่มปัญญาชนที่มีความเชื่อมั่นและมีศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย เพราะระบอบประชาธิปไตยเป็นระบบยุติความขัดแย้งและเปลี่ยนผ่านอำนาจในการบริหารประเทศ ที่มีอำนาจในการจัดสรรทรัพยากรของชาติโดยสันติวิธี ไม่ต้องใช้วิธีรุนแรงรบพุ่งกัน และเสียงของผู้อ่อนแอกว่าหรือมีจำนวนคนน้อยกว่าได้รับการพิจารณา รวมทั้งได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจบริหารจัดการกิจการทางเศรษฐกิจ การเมือง การทหาร สังคมและนโยบายต่างประเทศ ร่วมกับคนส่วนใหญ่ของประเทศ

เมื่อจะมีระบอบประชาธิปไตยก็ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องหาระบอบการปกครองประชาธิปไตยแบบไทยๆ ไม่จำเป็นต้องตั้งข้อรังเกียจว่าเป็นของต่างประเทศ เป็นของอังกฤษ เป็นของสแกนดิเนเวีย หรือเป็นของญี่ปุ่น แต่ขอให้เป็นที่ยอมรับ แม้จะเป็นการออกแบบหรือคิดจากชนชั้นนำและได้รับการปฏิบัติซ้ำแล้วซ้ำอีก
ผ่านการแก้ไขปรับปรุงมาเป็นเวลายาวนาน

เหมือนกับการเปลี่ยนจากการนุ่งโจงกระเบน ไม่สวมเสื้อไม่สวมรองเท้ามาแต่เดิม มาเป็นการนุ่งห่มตามแบบนานาอารยประเทศ ตามการบังคับโดยจอมพล ป. พิบูลสงคราม จนเป็นการแต่งกายของคนไทยไปแล้ว ไม่เหมือนการแต่งกายของพม่า อินเดียหรือเนปาล ซึ่งเขายังรักษาของเดิมของเขาอยู่ ซึ่งก็ไม่ผิด เราก็ไม่ผิดที่เราเปลี่ยนของเราไป ต่างคนต่างไม่ผิดเพราะต่างคนต่างยอมรับ ต่างชอบอย่างนั้นจนไม่มีการบังคับแล้ว

เมื่อการปกครองประชาธิปไตยแบบไทยๆ ไม่มี การเรียกร้องจากคนเบื้องล่างจากรากหญ้าก็ไม่เกิด ถ้าจะเกิดก็ต้องเป็นการทำด้วยการรบเร้าจากกลุ่มคนชั้นนำอีกฝ่ายหนึ่ง ให้เกิดกระแสอารมณ์ร่วมจากประชาชนบางส่วนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งยอมรับกันแล้วว่าเป็นระบอบที่ “เลวน้อยที่สุด มีความเสี่ยงน้อยที่สุด” แม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องเป็นระบอบการปกครองที่ดีที่สุดก็ตาม

รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เรามักจะได้ยินว่ามีการใช้อำนาจในทางที่มิชอบ มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงมาก ก็เพราะเรามีฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบถ่วงดุล check and balance โดยการตั้งกระทู้ถามบ้าง โดยการเปิดอภิปรายบ้าง โดยการเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจบ้าง โดยการตรวจสอบขององค์กรอิสระบ้าง โดยการเสนอข่าวของสื่อมวลชนที่อิสระบ้าง แต่รัฐบาลเผด็จการที่ไม่มีฝ่ายค้านตรวจสอบ องค์กรอิสระ สื่อมวลชนทำการตรวจสอบตัวเอง self censor หรือการใช้อำนาจเด็ดขาดของหัวหน้าคณะรัฐประหาร โดยไม่ต้องกระทำการตามขั้นตอนตามกฎหมายที่มีไว้เพื่อความโปร่งใส ไม่อยู่บนหลักธรรมาภิบาลและหลักนิติรัฐ

เราจึงไม่ได้ยินข่าวจากการตรวจสอบทั้งๆ ที่การใช้อำนาจโดยมิชอบหรือการฉ้อราษฎร์บังหลวงไม่ได้น้อยกว่า หรืออาจจะมากกว่าระบอบการปกครองที่มีระบบการตรวจสอบถ่วงดุลก็ได้ ไม่มีใครทราบจนกว่าผู้นำเผด็จการทหารจะลงจากอำนาจไป แต่ในระหว่างที่อยู่ในอำนาจไม่มีทางจะตรวจสอบได้

ในความเห็นของ ธอมัส ฮอบส์ ในหนังสือ Leviathan สภาพธรรมชาติเป็นสภาพที่ชั่วร้าย มนุษย์ทำลายเสรีภาพของกันและกันจนสังคมไม่มีเสรีภาพ จึงเกิด “รัฐ” หรือ Leviathan หรือสัตว์ทะเลในคัมภีร์ไบเบิลขึ้นมาเพื่อปกป้องคนในสังคม แต่สังคมก็ต้องควบคุมสัตว์ทะเลตัวนี้ให้ได้ มิฉะนั้นก็จะถูกสัตว์ทะเลตัวนี้ทำลาย กลับไปเป็นสภาพธรรมชาติ หรือ state of nature ตามเดิม

แม้ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ไม่มี ประเทศชาติก็ยังจำเป็นต้องมีประชาธิปไตยที่ประชาชนควบคุมได้ ไม่ควรใช้ความไม่มีประชาธิปไตยแบบไทยๆ เป็นข้ออ้างในการล้มล้างประชาธิปไตย เพราะประชาธิปไตยเป็นเครื่องหมายของสังคมอารยะ ตรงกันข้ามกับระบอบเผด็จการที่เป็นสัญลักษณ์ของคนป่าเถื่อน เลือกเอาจะเอาอย่างไหน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image