เมื่อวันที่ 19 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ประธานการประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) ได้คัดเลือกศิลปินแห่งชาติ พ.ศ.2560 จำนวน 17 คน 3 สาขา ประกอบด้วย 1.สาขาทัศนศิลป์ 5 คน ได้แก่ นายสมศักดิ์ เชาวน์ธาดาพงศ์ (จิตรกรรม) นายศราวุธ ดวงจำปา (ประติมากรรม) นายเสวต เทศน์ธรรม (ประติมากรรม) นายสมชาย แก้วทอง (การออกแบบแฟชั่น) หรือ ไข่บูติค และนายสิน พงษ์หาญยุทธ (สถาปัตยกรรม) 2.สาขาวรรณศิลป์ 3 คน ได้แก่ นางเพ็ญศรี เคียงศิริ นายพิบูลศักดิ์ ละครพล และนายเทพศิริ สุขโสภา และ 3.สาขาศิลปะการแสดง 9 คน ได้แก่ นางสุรางค์ ดุริยพันธุ์ (คีตศิลป์) นางรัตติยะ วิกสิตพงศ์ (นาฏศิลป์ไทย) นายบุญศรี รัตนัง (ดนตรีพื้นบ้านล้านนา) นายวิรัช อยู่ถาวร (ดนตรีสากล) ท่านผู้หญิงวราพร ปราโมช ณ อยุธยา (นาฏศิลป์สากล) นายพิมพ์ปฏิภาณ พึ่งธรรมจิตต์ (ดนตรีไทยสากล) ศาสตราจารย์มัทนี รัตนิน (ละครเวที) นายยุทธนา มุกดาสนิท (ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์) นายคเณศ เค้ามูลคดี (ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์) หรือ รอง เค้ามูลคดี นั้น
นายสมศักดิ์ เชาวน์ธาดาพงศ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ประเภทวิจิตรศิลป์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจ และยินดีอย่างมากที่ได้รับเกียรติยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ เชื่อว่าคนที่ทำงานศิลปะทุกคน อยากให้ผลงานเป็นที่ยอมรับ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวคิดว่าแม้จะได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติแล้ว จะไม่หยุดนิ่ง ยังคงมุ่งมั่นพัฒนางานด้านศิลปะให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาได้ร่วมกับศิลปินคนอื่นๆ และ วธ.สร้างสรรค์ผลด้านศิลปะ เพื่อให้เกิดการพัฒนา และได้รับการยอมรับ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ วธ.ตนไม่ได้ขออะไรเป็นพิเศษ เพราะที่ผ่านมา วธ.ได้ทำหน้าที่ต่างๆ ในการพัฒนางานด้านศิลปะได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะศิลปะร่วมสมัย ที่ได้รับการส่งเสริมพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่อยากขอให้ วธ.เพิ่มเติมคือบุคลากรผู้เชี่ยวชาญศิลปะในแต่ละด้าน ให้มีโอกาสได้เข้ามาร่วมพัฒนางานอย่างเต็มที่
นายพิบูลศักดิ์ ละครพล ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ กล่าวว่า รู้สึกยินดี ส่วนตัวไม่ได้คาดหวังอะไร เขาเสนอชื่อให้ก็รู้สึกดีมากแล้ว อย่างไรก็ตาม ในฐานะนักเขียน และกวี ยอมรับว่ารู้สึกท้อกับการสร้างสรรค์ผลงาน เนื่องจากปัจจุบันสังคมไทยเน้นสื่อสารข้อมูลผ่านเทคโนโลยีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการอ่าน ค้นคว้าหาข้อมูล หรือการติดต่อสื่อสาร แต่ก็เข้าใจว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระแสโลก ทั้งนี้ แม้จำนวนคนอ่านหนังสือลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่ใช้โทรศัพท์มือถือมากขึ้น แต่เชื่อว่าอนาคตความนิยมในการอ่านหนังสือจะกลับมา เพราะเทคโนโลยีไม่สามารถทดแทนการอ่านหนังสือเป็นเล่ม หรือการอ่านจากกระดาษได้ อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่พูดเช่นนี้ ไม่ได้หมายความว่าการอ่านจากเทคโนโลยีไม่มีข้อดี ทุกอย่างล้วนมีทั้งข้อดี และเสีย อยู่ที่การใช้อย่างเหมาะสม และพอดี โดยจะเห็นได้จากประสบการณ์ตรงของตนเองที่ได้จากการสอนเด็ก พบว่า เด็กทุกวันนี้เน้นความรวดเร็ว ฉาบฉวย ขาดการคิดวิเคราะห์ แม้จะรู้กว้าง แต่ขาดทักษะการค้นหาข้อมูลที่ลึกซึ้ง หากมอบโจทย์ให้เด็กทำรายงานเรื่องหนึ่ง ทุกอย่างจะถูกค้นคว้าจากกูเกิล ซึ่งแม้จะรวดเร็ว แต่บางครั้งเกิดความผิดพลาด อีกทั้ง ยังขาดประสบการณ์จริงในการค้นคว้าข้อมูลด้วยตนเอง ดังนั้น จึงอยากให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และ วธ.ช่วงส่งเสริมให้เด็กรักการอ่านหนังสือมากขึ้น
นายสมชาย แก้วทอง หรือ ไข่ บูติค นักออกแบบเสื้อผ้าชื่อดัง ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (การออกแบบแฟชั่น) กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากรางวัลศิลปินแห่งชาติ เป็นรางวัลทรงเกียรติ ศักดิ์สิทธิ์ นับเป็นรางวัลชีวิตของตนเอง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ทำงานในวงการแฟชั่นมา 49 ปี นับตั้งแต่อายุ 22 ปี จนถึงปัจจุบันอายุ 71 ปีแล้ว มีความรัก และตั้งใจที่จะทำผลงานให้ออกมาอย่างดี โดยส่วนตัวคิดว่าการทำงานด้านแฟชั่นต้องแยกออกเป็น 3 ส่วน ระหว่างศิลปะ แฟชั่น และช่างตัดเสื้อ ซึ่งทั้ง 3 ส่วน จะต้องประกอบเข้ากับพรสวรรค์ จะทำให้งานออกมาสวยงาม ประณีต เรียบร้อย ตนเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ทุกคนไม่ได้มีเหมือนกันหมด แต่นักออกแบบชื่อดังของแบรนด์ระดับโลก อย่าง คริสเตียน ดิออร์ หรือ ชาแนล ต้องมีสิ่งเหล่านี้ เพื่อใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของชีวิต จะพยายามสร้างสรรค์ผลงานสร้างประโยชน์ให้กับประเทศ โดยเฉพาะการเผยแพร่ความรู้ที่มีอยู่ ให้กับคนรุ่นใหม่
นายคเณศ หรือ รอง เค้ามูลคดี นักแสดง ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์) กล่าวว่า ตั้งแต่ทราบข่าวว่าได้รับคัดเลือกเป็นศิลปินแห่งชาติก็ร้องไห้ไม่หยุด เพราะเป็นรางวัลที่เป็นที่สุดของชีวิตนักแสดงกว่า 61 ปี ในฐานะนักแสดงในวงการบันเทิง ตนมีความรักในอาชีพ มีความพยายามทำทุกอย่างให้ดี โดยเฉพาะด้านความประพฤติปฏิบัติตัว ต้องมีวินัย ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่นักแสดงทุกคนพึงมี โดยรางวัลศิลปินแห่งชาติ ทำให้ตนหายเหนื่อย และขอยึดมั่นในการทำหน้าที่นักแสดงต่อไปให้ดีที่สุด ทบทวนข้อบกพร่อง และนำมาแก้ไขให้ดีขึ้น รวมทั้ง จะพยายามเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักแสดงรุ่นหลัง ทั้งนี้ ฝากถึงนักแสดงรุ่นใหม่ ที่หลายคนวางตัวดี แต่ หลายคนที่ได้ร่วมงานด้วยยังขาดวินัย ไปกองถ่ายช้า จึงอยากให้คำนึงถึงจุดนี้ให้มาก แม้ว่านักแสดง ศิลปิน มีการพัฒนาความสามารถ มีการเรียนรู้ไวกว่าศิลปินรุ่นเก่า แต่ในฐานะที่เป็นบุคคลสาธารณะ ไม่ว่าจะทำงานเหนื่อยขนาดไหน ก็ต้องปฏิบัติตนให้ดี และเป็นแบบอย่างให้คนในสังคมได้
นางเพ็ญศรี เคียงศิริ ศิลปินแห่งชาติ ประจำปี 2560 สาขาวรรณศิลป์ อายุ 86 ปี รู้จักในนามปากกา “นราวดี” กล่าวว่า รู้สึกดีใจอย่างมาก ส่วนตัวไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้รับเลือกให้เป็นศิลปินแห่งชาติ ประจำปี 2560 ที่ผ่านมามีผลงานนวนิยายหลายเรื่อง แต่ยอมรับพื้นฐานไม่ได้เก่งในเรื่องภาษาไทยมากนัก เพราะตั้งแต่วัยเด็กไปเรียน และเติบโตที่ปีนัง จนเป็นที่มาของการเขียนนวนิยายเรื่อง “นางอาย” ซึ่งเป็นที่รู้จักของใครหลายคน เพราะถูกนำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์ แต่เพราะเป็นคนที่มาฝึกฝนเสมอ คาดว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้มีโอกาสได้รับคัดเลือกครั้งนี้ อาจจะเพราะกรรมการได้เห็นผลงานที่ผ่านมาทั้งที่เขียน และผลงานที่แปลเป็นภาษาต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่าไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ ล้วนมีความสำคัญที่จำเป็นต้องเรียนรู้ และเพื่อประโยชน์ในการค้นหาวัตถุดิบเพื่อนำมาสร้างสรรค์งานเขียนได้อย่างเหมาะสม
นายบุญศรี รัตนัง อายุ 64 ปี ศิลปินแห่งชาติ ประจำปี 2560 สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีพื้นบ้านล้านนา) กล่าวว่า รู้สึกดีใจอย่างมาก เพราะไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้รับการคัดเลือกให้เป็นศิลปินแห่งชาติ นับเป็นรางวัลสูงสุดของชีวิตตน และครอบครัว ทั้งนี้ ชีวิตของตนตั้งแต่เด็กผูกพันกับดนตรีพื้นบ้านมายาวนาน ตั้งแต่ปี 2513 ขณะเดียวกัน ได้ก่อตั้งศูนย์สืบสานรอยล้านนาภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งใช้ทุนส่วนตัวทั้งหมด เปิดสอนเด็กในพื้นที่ในช่วงปิดภาคเรียน เด็กเสียค่าสมัครคนละ 100 บาทเท่านั้น ที่เลือกเปิดสอนนี้ เพราะอยากให้ลูกหลานได้เรียนรู้ศิลปะ ดนตรีพื้นบ้านล้านนา ปลูกฝังให้เขาได้ตระหนักคุณค่า และร่วมกันอนุรักษ์ไว้ ปัจจุบันผลิตลูกศิษย์มาแล้วกว่า 500 คน
