อยู่ที่ บิ๊กตู่

ทั้งที่ บิ๊กตู่Ž ประกาศคืนอำนาจ ครั้งแล้วครั้งเล่า ให้คำมั่นสัญญาต่างกรรมต่างวาระ
เดือนพฤศจิกายน 2561 เลือกตั้ง
แต่ก็ดูเหมือน วัน เวลาแน่นอน ยังไม่มีใครการันตีได้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์
แม้แต่บิ๊กๆ หัวขบวนแม่น้ำ 5 สาย ก็ไม่กล้ายืนยัน ตอบได้แค่ หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น
ทั้งนี้เนื่องจากขึ้นอยู่กับการตัดสินใจหัวหน้า คสช.คนเดียว
แวดวงการเมือง นักวิชาการ ทำนายอนาคตการเมืองไทยในระยะอันใกล้เอาไว้ 2 ทางใหญ่ๆ
1.ไม่มีเลือกตั้ง 2.มีแต่ไม่ใช่ปีนี้
ฝ่ายฟันธง ไม่มีเลือกตั้งนั้น เชื่อว่าลึกๆ คสช.อยากอยู่ยาว
อยู่ยาวเหมือนกับ ที่ขอเวลาอีกไม่นาน แต่จาก 22 พฤษภาคม 2557 จวบจนวันนี้ ก็ย่างสู่ปีที่ 4 แล้ว
ปีที่ 5 และปีต่อไป จึงมีแนวโน้มความเป็นไปได้ โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง
ขึ้นชื่อว่า สถานการณ์พิเศษ อะไรก็เกิดขึ้นได้
ส่วนฝ่ายเห็นว่า มีเลือกตั้งแต่ไม่รู้เมื่อใดนั้น
เนื่องจากรัฐธรรมนูญเขียนชัด เมื่อกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับที่สำคัญ จำเป็นต่อการเลือกตั้ง มีผลบังคับใช้ ภายใน 150 วัน ต้องจัดให้มีเลือกตั้ง
ฉะนั้นจึงเฉไฉ ออกนอกกรอบนี้ไม่ได้
แต่ที่ทำนายว่า ไม่มีในปีนี้
เกิดจากการประกาศครั้งแล้วครั้งเล่านั่นเอง
เหตุที่หัวหน้า คสช.ต้องออกมายืนยันซ้ำ ว่าไม่คิดบิดพลิ้ว เพราะส่งสัญญาณ กลับไป กลับมาตลอด เช่น ถ้าประเทศไม่สงบ ไม่มีเลือกตั้ง หากความขัดแย้งดำรงอยู่ จะปล่อยให้เลือกตั้งไม่ได้
แต่ในท้ายที่สุดมักออกตัวว่า ที่พูดแค่ปรามเท่านั้น ทุกอย่างเหมือนเดิม
การออกมายืนยันบ่อยครั้ง กลับกลายเป็นเรื่องที่ไม่ได้สร้างความมั่นใจแก่ประชาชนมากนัก
เพราะมีที่มา จากท่าที การแสดงออก ในลักษณะเปลี่ยนใจรายเดือน คิดโยกธง ขยับเลือกตั้ง
หากอยู่กับร่องกับรอย พูดกี่ครั้งก็เหมือนกัน
คงไม่มีใครระแวง ตั้งคำถามเค้นคำตอบ และไม่จำเป็นต้องตอบแล้วตอบอีก เพื่อยืนยันโรดแมปเลือกตั้ง
จะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
สัญญาณที่ส่งออกไป ได้ทำให้เกิดการตีความคำพูด
สะท้อนว่าบิ๊กตู่ไม่ต้องการให้มีเลือกตั้ง และแปลงผลเป็นรูปธรรม สนองเป้าหมาย ยืดเลือกตั้ง
ที่ว่าจะนับหนึ่ง ถอยหลังทันทีเมื่อ พ.ร.ป. 4 ฉบับมีผลบังคับใช้
มาวันนี้ มีความพยายามแก้ไข 1 ใน 2 ฉบับสุดท้าย ยืดเลือกตั้งยาวออกไป จากปกติมีผลบังคับใช้ วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจาฯเป็นต้นไป ก็ตั้งท่าขยายอีก 90 วัน
นั่นหมายความว่า โรดแมปเลือกตั้งก็ต้องขยับตาม
อาจไม่ใช่พฤศจิกาฯ 61
แต่เป็น 90+150 วัน โดยที่อีก 3 เดือนนั้น จะเริ่มนับหนึ่งวันไหน ไม่มีใครระบุได้ เพราะจะต้องรอ
กระบวนการตรา-การออกกฎหมายที่สมบูรณ์ กระทั่งลงในราชกิจจานุเบกษา
การพูด วันนี้อย่าง พรุ่งนี้อย่าง แต่ในที่สุดก็วนกลับมาที่จุดเดิม
ส่งผลเสียต่อทั้งความน่าเชื่อถือในตัวคนพูด ต่อทั้งความเชื่อมั่น ที่ต้องพึ่งพาอาศัยกระบวนการเปลี่ยนผ่านด้วยการเลือกตั้งมาเป็นหลักฟื้นฟู
ยิ่งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. แสดงออกถึงการถ่วงรั้ง
ก็ยิ่งไม่เป็นผลดี
เท่ากับรูปธรรมการเลื่อนเลือกตั้ง ชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ
ที่แต่เดิมเป็นเพียงคำทำนาย เริ่มส่อเค้า ความเป็นจริง
แม่น้ำสายต่างๆ เป็นผลผลิตจาก คสช.
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นผู้ลงนามแต่งตั้ง เป็นมือไม้ ทำงานสนองตอบ
นโยบาย คสช.
ในเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีเจตนารมณ์แน่วแน่ จะจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปตามโรดแมปที่ประกาศไว้ ในเดือนพฤศจิกาฯ 61 อย่างไม่บิดพลิ้ว
เพื่อระงับยับยั้ง มิให้มีการตีความคำพูดเอาใจ เดินแตกแถว ไม่เป็นขบวน
สิ่งที่ควรทำคือ เรียกประชุมแม่น้ำทุกสาย ให้เข้าใจ ถูกต้องตรงกัน โดยยืนยันเจตนารมณ์คืนอำนาจ
ยืนยัน ธงเลือกตั้ง พฤศจิกาฯ 2561
ถ้าทำแบบนี้ ก็จะไม่มีใครตีความ แก้รื้ออะไรต่อมิอะไร ชักใบ 2 ฉบับสุดท้ายให้เรือเสียอีก
ความเชื่อมั่นก็จะมีบังเกิดขึ้นตามมา
เมื่อบิ๊กตู่ชัด เลือกตั้งก็ชัด
ใครจะกล้าขัดขวาง สิ่งดีงาม เป็นประโยชน์กับประเทศชาติบ้านเมือง

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image