“เล็ก-ณพาภรณ์” เปิดตำนานบทใหม่ “ปาร์ค นายเลิศ”

“ตั้งแต่ปิดโรงแรมไป ทุกคนพูดว่า ปิดตำนาน จริงๆ คำนี้มันสำคัญกับเล็กมาก เราไม่ได้โกรธใครที่บอกว่าเราปิดตำนาน พยายามมองในแง่ดีว่าเขาคงไม่เรียกว่าตำนานหรอก ถ้าไม่ใช่ตำนานจริงๆ เล็กจึงดึงเอาคำนี้มาใช้ แล้วก็อยากเปิดตำนานอีกครั้ง ให้เป็นอีกยุคหนึ่งของปาร์คนายเลิศ คือคงสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ แต่ต้องเข้ากับโลกปัจจุบัน”

ประโยคง่ายๆ ที่ดูจะบ่งบอกแนวคิดทั้งหมดของหัวเรือใหญ่ปาร์ค นายเลิศคนปัจจุบัน “เล็ก-ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร” ได้อย่างดีที่สุด หลังจากที่ตกเป็นข่าวดังเมื่อปลายปี 2559 เมื่อทายาทรุ่นที่ 3 ของครอบครัวสมบัติศิริ เจ้าของโรงแรมดังสวิสโฮเท็ล ปาร์ค นายเลิศ ขายกิจการพร้อมที่ดิน 15 ไร่ ให้กับกลุ่มดุสิตเวชการ สร้างความตกใจไม่น้อย

จากวันนั้นนับถึงวันนี้ ผู้คนได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของปาร์คนายเลิศ รวมไปถึงตัวผู้บริหารที่ต้องเปลี่ยนตัวเองขึ้นมาเป็นหัวเรืออย่างเต็มตัวโดยปราศจากบริษัทฝรั่งช่วยดูแล กับการดูแลร้านอาหาร “มาเมซอง” และ “เลดี้ แอล” ที่ไปได้สวย รวมถึงบริการจัดเลี้ยงและพิพิธภัณฑ์บ้านปาร์คที่มีอายุนับร้อยปี

Advertisement

ณพาภรณ์เริ่มต้นเล่าถึงชีวิตครั้งนี้ด้วยคำว่า “เหนื่อยมาก” นั่นเพราะที่ผ่านมามีฝรั่งช่วยดูแล แต่ทุกวันนี้ทุกอย่างต้องดูแลด้วยตัวเองทั้งหมด คิดเอง ทำเอง จนรู้สึกว่าเหนื่อยสุดสุด แต่ก็สนุกที่ได้ทำงาน เช่นเดียวกับงานดอกไม้และสวน ปาร์คนายเลิศ ที่แม้จะจัดมานานกว่า 30 ปี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ทำเองทุกอย่าง

“อย่างที่รู้กันว่าเราขายโรงแรมไป แต่เล็กก็มองว่างานดอกไม้ถือเป็นหนึ่งสิ่งที่คุณยายสร้างไว้และหยุดไม่ได้ เมื่อไม่มีบริษัทฝรั่งมากำหนดตอนนี้เราจึงทำทุกอย่างเป็นเราได้เต็มตัว เปลี่ยนภาพลักษณ์ที่หลายคนกลัวว่ามาดูงานดอกไม้โรงแรมต้องใส่ผ้าไหม ไฮโซหรือเปล่า มาเป็นงานกลางแจ้งที่ชิล ใส่ขาสั้นมาก็ได้ สบายๆ มีดีเอ็นเอของความเป็นปาร์คนายเลิศ คือความเขียว และครอบครัว”

เมื่อลุกมาทำเองแล้ว จึงต้องจัดเต็มทุกขั้นตอนหวังให้เป็นงานในระดับเอเชีย ในปีนี้หนูเล็กเตรียมจัดพรมกลีบดอกไม้ขนาดใหญ่บนสวน 15 ตร.ม. เปิดบ้านปาร์คให้เข้าชม ไปจนถึงการนำเอาเพชร 103 ชิ้น จากบิวตี้ เจมส์มาจัดแสดงที่ห้องอาหารเลดี้ แอล ร่วมกับดอกไม้สด รวมไปถึงชิ้นงานศิลปะและดนตรีที่เธอเลือกสรรมาเองทั้งหมด

Advertisement

ลุยเองทั้งหมดไปจนถึงโรงแรม พาร์ค นายเลิศ โฮเท็ลบิ๊กโปรเจ็กต์ใหม่ที่จะเปิดขึ้นที่ซอยสมคิด

“เล็กคงอยากทำโรงแรมอยู่ รักในธุรกิจนี้ มันเหมือนอยู่ในสายเลือด บวกกับเวลาที่คนมาจัดงานแต่งงานที่นี่ เราไม่มีที่พักรองรับ เล็กคิดไว้แล้วว่าปาร์ค นายเลิศของเล็กจะยึดเอากินอยู่หลับนอนเป็นที่ตั้ง หากไม่มีโรงแรมก็ไม่ครบ จึงจะทำเป็นโรงแรม 60 ห้อง และเรสซิเดนท์ 100 ห้อง เปิดที่ห้องขนาดใหญ่ เป็นไฮเอนด์ขาย ซึ่งสเกลนี้เป็นสิ่งที่เล็กดูแลได้ ตอนนี้อยู่ในระหว่างขออีไอเออยู่ รวมไปถึงพูลวิลล่าที่หัวหิน ที่ดำเนินการไปพร้อมกัน

“ซึ่งการจะทำโรงแรมด้วยตัวเองนั้น เล็กต้องวางไบเบิ้ลของโรงแรมใหม่หมดเลย ว่าสวัสดีอย่างไร รับโทรศัพท์อย่างไร เพราะไม่มีคนมาบอกเราแล้ว” (หัวเราะ)

และเพราะต้องดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง แถมมีโปรเจ็กต์ต่างๆ ขึ้นมาก ทำให้ณพาภรณ์ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะกับเรื่องการทำงาน

“ตั้งแต่มาทำเต็มตัว สิ่งที่เล็กไม่คาดหวังแต่ตั้งใจเต็มที่อย่างบ้านปาร์ค และร้านอาหาร กลับได้รับผลตอบรับดีมาก 80% เป็นคนไทย มาถึงก็มาบอกเล่าเรื่องราวของเขา ว่าเคยผ่านปาร์คนายเลิศแบบไหนมา เคยเจอท่านผู้หญิง เคยขึ้นรถเมล์ขาว ซึ่งนี่เป็นเรื่องราวนับร้อยปีที่เราไม่ต้องสร้างใหม่ เล็กจึงมองไว้ว่าอยากทำชุมชนที่มีเรื่องเล่าแบบนี้ของเรา อยากทำให้ชื่อนี้อยู่กับเราไปยาวนานเพียงแต่เราต้องปรับตัวให้ทัน

“เมื่อพูดถึงการปรับตัว ก็ต้องมองโลกปัจจุบัน เล็กคิดว่าทุกวันนี้การแข่งขันกันเองมันไม่ใช่แล้ว นี่เป็นยุคที่ธุรกิจต้องร่วมมือกัน ถ้าคิดจะแข่งก็ต้องแข่งกับตัวเอง”

 

ตัวอย่างการแสดงดอกไม้
ตัวอย่างการจัดแสดงดอกไม้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image