เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 มกราคม ที่หอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี เทเวศร์ กรุงเทพฯ สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยได้จัดพิธีมอบรางวัลนราธิปพงศ์ประพันธ์ ประจำปี 2560 แก่ 19 นักเขียน โดยมี 3 ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ นางสุกัญญา ชลศึกษ์ นางชมัยภร แสงกระจ่าง และนางเพ็ญศรี เคียงศิริ ร่วมแสดงความยินดี ซึ่งนางกนกวลี พจนปกรณ์ นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ได้ให้เกียรติกล่าวเปิดงาน ก่อนนำไปสู่การมอบรางวัล และรับฟังความรู้สึกจากผู้ที่ได้รับรางวัล
นางกนกวลี กล่าวว่า สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยขอต้อนรับทุกท่านด้วยความยินดี วันนี้จะเป็นวันที่เราประกาศเกียรติแก่ผู้ที่ได้รับรางวัลนราธิปพงศ์ประพันธ์ ซึ่งรางวัลนี้มอบแด่นักเขียน นักกวี นักหนังสือพิมพ์ นักแปล และบรรณาธิการอาวุโส ที่ทำงานมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ด้วยผลงานเป็นที่ยกย่องกว้างขวาง เรามีความดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้เชื่อมต่อ ประสานทางความคิด ในหมู่ผู้ทำงานในแวดวงเดียวกัน ระหว่างผู้มาก่อน และผู้ที่ทำงานตามมาในรุ่นหลัง แม้สถานการณ์การอ่านเขียนในสื่อสิ่งพิมพ์จะแปรเปลี่ยนไป แต่ทว่าในการทำงานด้านวรรณกรรม ยังต้องเห็น ต้องเรียนรู้วิธีการทำงาน วิธีการครองตนดำเนินชีวิตอย่างงดงามจากแบบอย่าง ซึ่งผู้ที่ได้รับการประกาศเกียรติในวันนี้จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่นักเขียนรุ่นหลัง เราขอกราบคารวะนักเขียนรางวัลนราธิปทั้ง 19 ท่าน ที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ด้วยความเคารพยิ่ง
รายชื่อผู้ได้รับรางวัลนราธิปพงศ์ประพันธ์ ประจำปี 2560 มีดังนี้
1.นางกรองแก้ว เจริญสุข 2.ศ.กิตติคุณ ดร.กาญจนา นาคสกุล 3.ผู้ช่วยศาสตราจารย์ กิติยวดี บุญซื่อ 4.ศ.เกียรติคุณ ดร.เจตนา นาควัชระ 5.นายเฉลิมศักดิ์ รามโกมุท 6.นางประพิศ คุณาวุฒิ 7.ศ.ดร.พงษ์ศรี เลขะวัฒนะ 8.นายพยงค์ คชาลัย 9.ศ.ดร.มัทนี รัตนิน 10.พล.ต.ต.โรจนา นาเจริญ
11.นพ.วราวุธ สุมาวงศ์ 12.มล.วัลลภ นวรัตน์ 13.ศ.วาสนา ชลศึกษ์ เคนแมน 14.นายวินิจฉัย แสงสว่างวัฒนะ 15.ศ.วิภา กงกะนันทน์ 16.ผู้ช่วยศาสตราจารย์ศรีสมร คงพันธุ์ 17.ศ.เกียรติคุณศรีสุรางค์ พูลทรัพย์ 18.รศ.สดใส พันธุมโกมล 19.นางสุดจิต ภิญโญยิ่ง
ศ.ดร.มัทนี รัตนิน หนึ่งในผู้ที่ได้รับรางวัล กล่าวว่า รู้สึกตกใจ พอมีคนมาบอกว่าได้รับรางวัล หลายคนบอกว่ารางวัลนี้ต้องแก่ถึงจะได้ ซึ่งตอนนี้ 80 ผ่านเกณฑ์พอดี ขอบคุณที่ยังเห็นคนอายุ 80 ว่ายังมีพลังอยู่ ไม่คิดว่าจะมีคนมาร่วมแสดงความยินดีมากมายขนาดนี้
นางประพิศ คุณาวุฒิ กล่าวว่า ขอขอบพระคุณสำหรับรางวัลที่มีเกียรติยิ่งนี้ ผลงานที่เขียนตลอดมาคือ วิถีชีวิตของคนชนบทที่ผ่านประสบการณ์ความรัก ครอบครัว ความกตัญญูรู้คุณ เหนือสิ่งอื่นใด อาจด้วยอารมณ์ศิลปิน จึงมีเรื่องราวมาเล่าจนไม่จบสิ้น หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านด้วย
ศ.เกียรติคุณ ดร.เจตนา นาควัชระ กล่าวว่า พวกเราเป็นครูบาอาจารย์ นักเขียน นักวิจารณ์ เราทำงานไปเรื่อยโดยไม่คิดถึงรางวัล การทำงานของเรายาวนานก็จริง แต่อยากบอกว่าให้มอบรางวัลนี้ก่อนอายุ 80 ได้ไหม เพราะผมเกือบจะจากไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่เผอิญรอดมาได้ อย่างไรก็ตาม เกียรติที่ผมได้รับวันนี้ ถือเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ ขอขอบคุณจากใจจริง
นายพยงค์ คชาลัย กล่าวว่า รู้สึกแปลกใจ ตกใจ สารพัดใจมาก เพราะงานต่างๆ ที่ทำเรื่อยมาส่วนใหญ่เป็นงานหลังฉาก รู้สึกดีใจและคาดว่ารางวัลนี้คงเป็นรางวัลเดียวในชีวิต เนื่องจากไม่เคยได้รับรางวัลใดเลย รางวัลนี้คงทำให้ผมตายตาหลับ
นพ.วราวุธ สุมาวงศ์ กล่าวว่า เป็นรางวัลอันทรงเกียรติ อันเป็นอาหารหล่อเลี้ยงใจให้ชื่นฉ่ำ ผมขอให้ทุกคนจิตใจแจ่มใส อย่าเครียด และอย่าทานอาหารเยอะ เพื่อให้ชีวิตแข็งแรงต่อไป มีโอกาสมาร่วมงานนราธิปอีกในปีหน้า
ศ.วิภา กงกะนันทน์ กล่าวว่า ดิฉันรู้สึกดีใจที่อายุถึง 80 แล้วยังเดินได้ ยิ้มได้ หัวเราะได้ ฝากบอกไปยังคนอายุน้อยที่อยากได้รางวัลนี้ว่า ก่อนอื่นต้องอายุ 80 ก่อน วันนี้คนอายุน้อยที่สุดที่มาร่วมงานแสดงความยินดีนี้ คือหลานดิฉันที่อายุเพียง 9 ขวบ ขอฝากให้หลานมีนิสัยรักการอ่านและเริ่มเขียนงานไปเรื่อยๆ อีก 71 ปีแล้วจะได้รางวัลนี้
“ดิฉันถามตัวเองตลอดเวลาว่า ทำไมถึงชอบเขียนหนังสือและยังเขียนอยู่ เริ่มจากชอบเขียนให้คนในครอบครัวได้อ่าน ชอบได้รับความคิดเห็นและคำวิพากษ์วิจารณ์ ถึงแม้ต่อไปจะไม่มีหนังสือ แต่เชื่อว่าสุดท้ายจะไม่มีวันที่ผู้คนเลิกอ่าน แค่คนเหล่านั้นเปลี่ยนไปอ่านผ่านแสงอิเล็กทรอนิกส์เพียงเท่านั้น สุดท้ายนี้ ขอฝากสุภาษิตจีนที่ดิฉันชื่นชอบที่ว่า ถ้ามองไปข้างหน้า 1 ปี ให้ปลูกธัญพืช ถ้ามองไปข้างหน้า 10 ปี ให้ปลูกต้นไม้ใหญ่ ถ้ามองไปข้างหน้า 100 ปี ให้ปลูกการศึกษา ดิฉันเชื่อว่านักเขียนทุกท่านได้ปลูกการศึกษาเข้าไปในหัวใจผู้อ่านทุกท่านแล้ว” ศ.วิภา กล่าว
