เปิดคำสั่งอสส. ฟ้อง สุเทพ-พวก 57คน ข้อหาหนัก

แฟ้มภาพ

เมื่อวันที่ 23 มกราคม รายงานข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด แจ้งว่า ตามที่สำนักงานอัยการคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด เรียกผู้ต้องหาในสำนวนคดีพิเศษที่ 261/2556 หรือคดีร่วมกันเป็นกบฏในการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวกรวม 57 คน เป็นผู้ต้องหามาเพื่อรายงานตัวเเละฟังคำสั่งคดีในวันที่24มกราคม โดยการนัดฟังคำสั่งดังกล่าว ทางอัยการมีคำสั่งว่าตัวผู้ต้องหาทุกคนจะต้องเดินทางมาฟังคำสั่งด้วยตนเอง เนื่องจากอัยการจะมีคำสั่งเลยว่าจะฟ้องผู้ต้องหารายใดเเละข้อหาใดบ้าง ตัวผู้ต้องหาจะต้องมีการเตรียมหลักทรัพย์มาให้พร้อม เพราะหากมีคำสั่งฟ้องทางอัยการจะนำตัวผู้ต้องหาที่มีความเห็นสั่งฟ้องไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาตามที่อัยการมีคำสั่งนั้น  ล่าสุดสำนักงานอัยการคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด มีคำสั่งระบุว่า คดีไม่มีหลักฐานและข้อเท็จจริงใหม่ที่สำคัญอันจะกลับความเห็นและคำสั่งเดิมของคณะทำงานตามคำสั่งสำนักงานคดีพิเศษที่ 14/2557 เสนออธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ขณะนั้นได้ทั้งนี้ ตามความเห็นและเหตุผลที่คณะทำงานตามคำสั่งสำนักงานคดีพิเศษที่ 28/2560 เสนอจึงมีความเห็นและคำสั่ง ตามความเห็นและคำสั่งของอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษเดิม ดังนี้

(1) สั่งฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ต้องหาที่ 1 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ผู้ต้องหาที่ 2 นายชุมพล จุลใส ผู้ต้องหาที่ 3 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้ต้องหาที่ 4 นายอิสสระ สมชัย ผู้ต้องหาที่ 5 นายวิทยา แก้วภราดัย ผู้ต้องหาที่ 6 นายถาวร เสนเนียม ผู้ต้องหาที่ 7 นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ ผู้ต้องหาที่ 8 นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ ผู้ต้องหาที่ 9 นางอัญชะลี ไพรีรัก ผู้ต้องหาที่ 10 นายนิติธร ล้ำเหลือ ผู้ต้องหาที่ 11 นายอุทัย ยอดมณี ผู้ต้องหาที่ 12 เรือตรีแซมติน เลิศบุศย์ ผู้ต้องหาที่ 13 พลเอกปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ผู้ต้องหาที่ 14 นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ผู้ต้องหาที่ 15 นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ ผู้ต้องหาที่ 16 นายสุภวัฒน์ สุปิยะพาณิชย์ ผู้ต้องหาที่ 17 นางสาวจิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี หรือ กฤดากร ผู้ต้องหา 19 นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ผู้ต้องหาที่ 25 นายถนอม อ่อนเกตุพล ผู้ต้องหาที่ 28 พลเอกปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ผู้ต้องหาที่ 31 นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ต้องหาที่ 32 นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือรัชต์ชยุตม์ ศิรโยธินภักดี ผู้ต้องหาที่ 37 นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ผู้ต้องหาที่ 34 พระสุวิทย์ ทองประเสริฐ ผู้ต้องหาที่ นายสาธิต เซกัล (MR.SEHGAL SATISH) ผู้ต้องหาที่ 42 นายกิตติชัย ใสสะอาด ผู้ต้องหาที่ 43 นายคมสัน ทองศิริ ผู้ต้องหาที่ 44 นายพิเชษฐ์ พัฒนโชติ ผู้ต้องหาที่ 46 นายมั่นแม่น กะการดี ผู้ต้องหาที่ 47 นายประกอบกิจ อินทร์ทอง ผู้ต้องหาที่ 48 นายนัสเซอร์ ยีหมะ ผู้ต้องหาที่ 49 นายพานสุวรรณ ณ แก้ว ผู้ต้องหาที่ 50 นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด ผู้ต้องหาที่ 51 นางสาวรังสิมา รอดรัศมี ผู้ต้องหาที่ 54 นางทยา ทีปสุวรรณ ผู้ต้องหาที่ 55 พลอากาศโท วัชระ ฤทธาคนี ผู้ต้องหาที่ 56 พลเรือเอกชัย สุวรรณภาพ ผู้ต้องหาที่ 57 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏยุยงหรือจัดให้เกิดการร่วมกันร่วมกันปิดงานหยุดงาน กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบแผ่นดิน หรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ผู้กระทำคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ หรือผู้มีหน้าที่สั่งการและเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกไปแล้วไม่เลิก, ร่วมกันบุกรุก โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปในเวลากลางคืน และร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และร่วมกับเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง และร่วมกันกระทำการโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อมิให้สามารถใช้สิทธิได้ หรือขัดขวางการเลือกตั้ง การลงคะแนนเลือกตั้งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 113, 116, 117, 209, 210, 215, 216, 362, 364, 365 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 มาตรา 76, 352 ตามความเห็นและคำสั่งเดิมของอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ (สั่ง ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2557)

(2) เฉพาะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ต้องหาที่ 1 และนายชุมพล จุลใส ผู้ต้องหาที่ 3 นอกจากสั่งฟ้องตามข้อ (1) ข้างต้นแล้วให้สั่งฟ้องฐานร่วมกันก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 135/1,83 เพิ่มเติมอีก ทั้งนี้ ตามความเห็นและคำสั่งเดิมของอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ (สั่ง ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2557

)(3) สั่งฟ้องนายแก้วสรร อติโพธิ ผู้ต้องหาที่ 24, นายกิตติศักดิ์ ปรกติ ผู้ต้องหาที่ 27, นายไพบูลย์ นิติตะวัน ผู้ต้องหาที่ 30, นายพิภพ ธงไชย ผู้ต้องหาที่ 33 และ นายถวิล เปลี่ยนศรี ผู้ต้องหาที่ 58 ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน หรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกบฏ และเป็นผู้สนับสนุนในความผิดตามข้อกล่าวหาดังต่อไปนี้ ยุยงหรือจัดให้เกิดการร่วมกันหยุดงานร่วมกันปิดงานงดจ้าง, อั้งยี่, ซ่องโจร มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองผู้กระทำคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ เป็นหัวหน้าหรือ ผู้มีหน้าที่สั่งการและเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกไปแล้วไม่เลิก ร่วมกันบุกรุก โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปในเวลากลางคืน และร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง และร่วมกันกระทำการโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อไม่ให้ผู้เลือกตั้งสามารถใช้สิทธิหรือขัดขวางหน่วงเหนี่ยวมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไป ณ ที่เลือกตั้งหรือเข้าไป ณ ที่ลงคะแนนเลือกตั้ง ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83,86,113,116,117,209,210,215,216,362,364,365 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มาตรา 76,152 ตามความเห็นและคำสั่งเดิมของอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ (สั่ง ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2557)

Advertisement

(4) เฉพาะนายนิติธร ล้ำเหลือ ผู้ต้องหาที่ 11, นายอุทัย ยอดมณี ผู้ต้องหาที่ 12 และนายศิร โยธินภักดี หรือ นายอมร อมรรัตนานนท์ ผู้ต้องหาที่ 37 นอกจากสั่งฟ้องตามข้อ (1) ให้สั่งฟ้องร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,359 เพิ่มเติมอีก เนื่องจากพยานหลักฐานยืนยันว่าได้ร่วมกันบุกรุกกระทรวงต่างประเทศ ทำให้เสียทรัพย์ โดยทำให้ประตูรั้วได้รับความเสียหายทั้งนี้ให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาดังกล่าวแก่ผู้ต้องหาที่ 11, ที่ 12 และที่ 37 ให้ครบก่อนฟ้องคดีด้วย และให้จัดการตามเสนอ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image