เมื่อวันที่ 24 มกราคม นายเอกศักดิ์ คงตระกูล ปฏิบัติหน้าที่รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยูแก้ไขปัญหาหนี้สินครูฉบับใหม่กับธนาคารออมสิน ว่า ที่ผ่านมาทางสำนักงาน สกสค.ได้มีการหารือร่วมกับผู้แทนจากธนาคารออมสินแล้ว 2 ครั้ง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งในการประชุมครั้งที่ 2 ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา ได้หารือรายละเอียดเกี่ยวกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการลงนามเอ็มโอยู ซึ่งการลงนามในเอ็มโอยูฉบับแรก เป็นการลงนามร่วมกันระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ) กับธนาคารออมสิน ไม่ใช่ระหว่างสำนักงาน สกสค.กับธนาคารออมสินโดยตรง และมีผู้บริหารทั้ง 5 องค์กรหลักร่วมลงนามเป็นพยาน ดังนั้น ในการลงนามเอ็มโอยูฉบับใหม่ ทางสำนักงาน สกสค. และธนาคารออมสิน เห็นตรงกันว่า ผู้บริหารทั้ง 5 องค์กรหลักของ ศธ. ควรร่วมลงนามในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลครูและบุคลากรทางการศึกษาด้วย ไม่ใช่แค่ในฐานะพยานเท่านั้น โดยจะมีการนัดหารือร่วมกับผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ.ทั้ง 5 แท่งเพื่อพิจารณาร่วมกันอีกครั้ง
นายเอกศักดิ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ทางธนาคารออมสินมีข้อเสนอจะคืนเงิน 1% ซึ่งเคยส่งคืนเข้ากองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคง ตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) แต่ภายหลัง นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. มีมติไม่รับและให้คืนให้กับครูแทน โดยทางธนาคารออมสินเสนอจะคืนให้กับครูที่มีวินัยทางการเงินดี เป็น เวลา 1 ปี แต่ไม่นับรวมครูที่มีวินัยทางการเงินดีที่ผ่านมาในอดีตโดยจะเริ่มพิจารณาตั้งแต่วันที่เริ่มสัญญาใหม่เป็นต้นไป ทั้งนี้ ทาง สกสค.ต่อรองว่า ขอให้คืนให้กับครูที่มีวินัยทางการเงินเป็นรายเดือน ขณะเดียวกัน ทางสำนักงาน สกสค.ยังเสนอว่า หากใช้มาตรการคืนเงินให้ครูโดยการลดดอกเบี้ยหรือพักชำระหนี้ ขอให้มีการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปด้วย เช่น สัญญาเดิมกำหนดชำระหนี้ 30 ปี ให้ขยายเป็น 33 ปี ไม่เช่นนั้น หากพักชำระหนี้ 3 ปี ปีที่ 4 ครูจะต้องรับภาระหนี้สินมากกว่าเดิม ซึ่งข้อเสนอดังกล่าว ทางธนาคารออมสินยังไม่ตกลง และระบุว่า ปัจจุบันดอกเบี้ยของธนาคารออมสินคิดกับครูถูกกว่าปกติอยู่แล้ว โดยดอกเบี้ยปัจจุบันของธนาคารออมสินอยู่ที่ 6.275% ทั้งนี้ ธนาคารออมสินรับจะนำข้อเสนอดังกล่าวไปหารือกับทางผู้บริหารธนาคารออมสินต่อไป
“ส่วนการติดตามเงินที่ธนาคารออมสินได้หักจากกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ เพื่อชำระหนี้แทนครูที่ค้างชำระเงิน 3 งวด ประมาณ 10,400 ล้านบาทนั้น ทาง สกสค.ได้มีการทำหนังสือทวงถามเรื่องดังกล่าวอยู่เป็นระยะ แต่ไม่ได้รับการตอบกลับและจนถึงปัจจุบัน ก็ยังมีการหักเงินเพื่อชำระหนี้ แทนครูที่ค้างชำระเกิน 3 งวดขึ้นไปอยู่ ซึ่งเรื่องนี้จะถูกนำมาเป็นหนึ่งในข้อตกลงในการทำเอ็มโอยูฉบับใหม่ด้วย” นายเอกศักดิ์กล่าว
